GRAMMY เหมือนขายแต่ได้เพิ่ม

สร้างความฮือฮาทั้งในแวดวงตลาดทุนและแวดวงธุรกิจ เมื่อ GRAMMY ประกาศปิดดีลใหญ่ ดึงกลุ่มทุนจีน “Tencent” มาร่วมหอลงโรง


สร้างความฮือฮาทั้งในแวดวงตลาดทุนและแวดวงธุรกิจ เมื่อบริษัท จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GRAMMY ประกาศปิดดีลใหญ่ ดึงกลุ่มทุนจีน Tencent” ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี และแพลตฟอร์มจากจีนมาร่วมหอลงโรง…อุ๊ย เป็นสตราทีจิกพาร์ตเนอร์ เพื่อบุกตลาดเพลงในระดับโลก โดยเฉพาะในตลาดจีน..!!

ผ่านธุรกรรมการขายหุ้นบริษัทลูกที่ชื่อ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มิวสิค จำกัด (มหาชน) หรือ GMM Music สัดส่วน 10% ให้กับ Black Serenade Investment Limited ซึ่งเป็นบริษัทที่จัดตั้งร่วมกันระหว่าง Tencent Music Entertainment Group และ Tencent Holdings Limited คิดเป็นมูลค่า 70 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 2,570.82 ล้านบาท

แต่ Black Serenade ไม่ได้ชำระค่าหุ้นเป็นเงินสดทั้งก้อนหรอกนะ จะใช้วิธีชำระด้วยเงินสดบางส่วน และหุ้นสัดส่วน 30% ของ Joox Thailand (Hong Kong) Limited (Joox Thailand) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ Tencent Music Entertainment Group (TME) ที่ประกอบธุรกิจแพลตฟอร์มฟังเพลงออนไลน์ JOOX เพื่อกลุ่มผู้ใช้บริการที่มาจากประเทศไทย

โดย GRAMMY ส่งบริษัทลูกที่ชื่อ GMM Tomorrow Limited เป็นผู้รับโอนหุ้น 30% ของ Joox Thailand คิดเป็นมูลค่า 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 918.15 ล้านบาท

ดูไปดูมานี่มันเข้าข่ายธุรกรรม “ขาย” เพื่อ “ซื้อ” ชัด ๆ..??

เนื่องจาก GRAMMY เสีย (หุ้น GMM Music) แค่ 10%…แลกกับการได้ (หุ้น Joox Thailand) มา 30% เชียวหนา…

ซึ่งนักฟังเพลงตัวยงต่างก็รู้กันดีว่า JOOX เป็นแพลตฟอร์มฟังเพลงออนไลน์ที่มีจำนวนผู้ใช้บริการเฉลี่ยต่อเดือนจำนวนมากในประเทศไทย

เลยทำให้นักลงทุนตอบรับดีลนี้แบบเว่อร์วังอลังการ เพราะทันทีที่เปิดตลาดปุ๊บ…หุ้น GRAMMY ก็ชนซิลลิ่งปั๊บ..!! และจากเดิมที่มูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันแห้งเหี่ยว บางวันไม่ถึงล้านบาทเสียด้วยซ้ำ ก็หนาแน่นขึ้นมาผิดหูผิดตาปาไปกว่า 109.73 ล้านบาท

โดย No สน No แคร์…กับการที่ GRAMMY เป็น 1 ใน 17 หุ้นที่เพิ่งถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ จับแขวนป้าย CF เนื่องจากมีฟรีโฟลตอยู่ที่ 14.33% ซึ่งต่ำกว่าเกณฑ์ที่ 15% ซะงั้น…

ที่น่าสนใจ…ธุรกรรมการซื้อขายครั้งนี้ เบื้องต้น GRAMMY จะได้เงินสดเข้ากระเป๋าก่อนเลยราว 1,652.67 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปชำระหนี้ ใช้ในการลงทุนขยายธุรกิจ หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ก็ว่ากันไป…

ส่วนสิ่งที่จะตามมาคือ โอกาสทางธุรกิจของ GMM Music ในการก้าวสู่ตลาดใหม่ ๆ ที่ใหญ่กว่าเดิม…

อย่าลืมสิว่า  TME นั้น ไม่ธรรมดา…ดีกรีเป็นบริษัทชั้นนําและมีชื่อเสียงในธุรกิจเพลงของโลก และยังเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ความบันเทิงด้านเพลงและเสียงชั้นนําในจีน ซึ่งปัจจุบันมีฐานผู้ใช้บริการจำนวนมาก…ด้วยศักยภาพของ TME น่าจะช่วยให้ GMM Music ขยายสู่ประเทศจีน ซึ่งเป็นตลาดขนาดใหญ่ได้ไม่ยาก

นี่ยังไม่นับรวมการต่อยอดธุรกิจเพลงสู่ตลาดโลก ด้วยการนำพาศิลปินของ GMM Music เข้าสู่ตลาดเอเชีย และตลาดนานาชาติ รวมทั้งธุรกิจดิจิทัล ผ่าน Streaming Platform ที่จะตามมาในอนาคตอีกนะ

ดังนั้น เมื่อช่างน้ำหนักดูแล้ว GRAMMY น่าจะได้มากกว่าเสียนะเนี่ย..!?

แล้วถ้าให้เดาธุรกรรมการซื้อและขายครั้งนี้ น่าจะเป็นเกมการอัพแวลูของ GMM Music ก่อนเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วยแหง ๆ (GMM Music ถูกวางให้เป็นเรือธงด้านธุรกิจเพลงแบบครบวงจร ตั้งแต่การคัดเลือกศิลปิน การผลิตผลงานเพลง การทำการตลาด การบริหารและจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์เพลง การจัดจำหน่ายสินค้าเพลงทั้งรูปแบบ Digital และ Physical รวมถึงการเป็นผู้จัดคอนเสิร์ต และเฟสติวัล ตลอดจนเป็นผู้ดำเนินการบริหารศิลปิน)

นั่นหมายความว่า หาก GMM Music เติบโตมากขึ้นเท่าใด…เวลาเข้าตลาดฯ ก็จะมีมูลค่ามากขึ้นตามไปด้วย…

แต่เอ๊ะ…เห็นโหมโรงจะเข้าตลาดฯ ตั้งแต่กลางปีที่แล้ว…จนถึงวันนี้ก็ยังไร้วี่แวว หรือยังหาวันตกฟากไม่ได้ป๊ะเนี่ย..??

นักลงทุนรอจนเหงือกแห้งแล้วนะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button