SELIC ได้เวลาขาขึ้นเสียที

หลังจากโชว์ตัวเลขกำไรสุทธิสุดสวยในไตรมาสแรกผ่านไปด้วยกำไรที่พุ่งปรี๊ด 563.30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


หลังจากโชว์ตัวเลขกำไรสุทธิสุดสวยในไตรมาสแรกผ่านไปด้วยกำไรที่พุ่งปรี๊ด 563.30% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและโตขึ้น 50% เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา

การเติบโตด้วยกลยุทธ์ขยายกิจการจากธุรกิจเดิมในการทำกาวอุตสาหกรรมซึ่งเป็นธุรกิจแบบ B2B ไปสู่ธุรกิจสติ๊กเกอร์และผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ซึ่งเป็นแบบ B2C ที่ให้กำไรสูงกว่าและสม่ำเสมอกว่าที่ผลิดอกออกผลอย่างรวดเร็วภายใต้การบริหารงานที่นำโดยนายเอก สุวัฒนพิมพ์และน้อง ๆ ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล

จากผลพวงของการขยายสู่ธุรกิจที่ไม่ถนัดแต่มีกำไรสูงจากธุรกิจสติ๊กเกอร์-Health Care ดันมาร์จิ้น จนกระทั่งผู้บริหารเชื่อมั่นว่าอย่างไรเสียปีนี้ยอดรายได้จะเติบโตในอัตราเลข 2 หลัก ซึ่งมีการตีความว่าจะมีกำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิโดดเด่นอย่างแน่นอนเพราะแค่ไตรมาสแรกปีนี้ก็กำไรเกินกว่าครึ่งของกำไรตลอดทั้งปีของปีก่อนเสียแล้ว แถมยังมีหมัดเด็ดที่บริษัทลูกกำลังเตรียมเข้าระดมทุนด้วยการขายหุ้น IPO ในตลาด MAI ซึ่งจะทำให้บุ๊กแวลูของบริษัทแม่เพิ่มขึ้นไปด้วย

ราคาหุ้นที่วิ่งขึ้นจากราคาต่ำสุดของปีที่ 2.20 บาท มาอยู่เหนือ 3.60 บาทภายในสองสัปดาห์จึงยังคงเป็นราคาที่ต่ำเมื่อเทียบกับพื้นฐานของหุ้นสุดยอดที่บริหารโดยพี่น้องตระกูล “สุวัฒนพิมพ์” ที่มีมุมมองกว้างไกลกว่าคนรุ่นก่อตั้งยิ่งนัก

เมื่อแรกเข้ามาในตลาดหุ้นเมื่อ 7 ปีก่อน ราคาหุ้นของ SELIC ไม่เคยสูงเกิน 2.70 บาท เป็นอย่างนี้มายาวนานและถูกมองข้ามจากนักวิเคราะห์เสมอ ในฐานะที่เป็นหุ้นที่มีราคาสูงเกินจริง ทั้ง ๆ ที่เป็นบริษัทที่ทำกำไรมาตลอด  เนื่องจากธุรกิจกาวอุตสาหกรรมเป็นธุรกิจที่มีผู้แข่งขันน้อยราย แต่เมื่อ 4 ปีก่อนคณะผู้บริหารบริษัทได้ตัดสินใจว่าจะใช้ความกล้าหาญโดยใช้ Inorganic Growth มาเร่งการเติบโตของธุรกิจโดยเข้าเทกโอเวอร์บริษัททำสติ๊กเกอร์ที่เคยเป็นลูกค้าของธุรกิจกาวอุตสาหกรรมของบริษัทตนเอง และเข้าสู่ธุรกิจแบบ B2C ซึ่งปรากฏว่าธุรกิจนี้ทำกำไรแบบก้าวกระโดดให้กับ SELIC จนกระะทั่งราคาหุ้นก้าวไปที่ 5 บาท ก่อนจะถอยลงมา ทำให้เมื่อ 2 ปีก่อน SELIC ได้ตัดสินใจเข้าสู่ธุรกิจ Health Care ซึ่งเป็นธุรกิจที่ไม่ถนัดเลยทำให้ราคาหุ้นร่วงลงมาจนต่ำสุดที่ 2.20 บาท ก่อนที่ล่าสุดผลประกอบการของบริษัทจะออกมายืนยันถึงความสำเร็จของการเข้าสู่ธุรกิจที่ไม่ถนัดนี้

การที่นายณรงค์ สุวัฒนพิมพ์ CEO คนปัจจุบันออกมายืนยันถึงความสำเร็จของการเติบโตแนวระนาบด้วยการเทกโอเวอร์กิจการ พร้อมกับยืนยันรายได้ในปีนี้ของบริษัทว่าจะเติบโตด้วยเลข 2 หลัก น่าจะทำให้ผู้ถือหุ้นของ SELIC อุ่นใจไม่น้อย อย่างน้อยที่สุดการที่บริษัทย่อย บมจ.พีเอ็มซี เลเบิล แมททีเรียลส์ (PMC) ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SELIC ได้แต่งตัวเตรียมเข้าตลาดภายในปีนี้แม้ SELIC อาจจะไม่ได้บันทึกกำไรจากการขายหุ้นแต่บุ๊กแวลูของบริษัทจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ซึ่งจะผลักดันให้ราคาหุ้นของ SELIC วิ่งขึ้นไปสร้างฐานใหม่

ดังนั้นราคาหุ้นล่าสุดที่ 3.60 บาท น่าจะขับเคลื่อนสูงขึ้นไปอีก

วิษณุ โชลิตกุล

Back to top button