พาราสาวะถี

หรือจะเป็นไปอย่างที่มีความกังวลกันว่าการเลือก สว.ที่กำลังจะเริ่มดำเนินการ สุดท้ายแล้วจะถูกล้มเพราะปัญหาข้อกฎหมาย


หรือจะเป็นไปอย่างที่มีความกังวลกันว่าการเลือก สว.ที่กำลังจะเริ่มดำเนินการ สุดท้ายแล้วจะถูกล้มเพราะปัญหาข้อกฎหมาย เริ่มเข้าเค้าเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับคำร้องที่ผู้สมัคร สว.ยื่นให้วินิจฉัย พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 และมาตรา 42 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่ แต่ไม่กำหนดมาตรการหรือวิธีการใด ๆ เป็นการชั่วคราวก่อนการวินิจฉัย

นั่นหมายความว่า กระบวนการเลือก สว. ทั้ง 3 ระดับ ทาง กกต.ยังคงเดินหน้า จัดให้มีการเลือกตามเดิม โดยจะมีการเลือกระดับอำเภอในวันที่ 9 มิถุนายน ระดับจังหวัดวันที่ 16 มิถุนายน และระดับประเทศวันที่ 26 มิถุนายนนี้ โดย อิทธิพร บุญประคอง ประธาน กกต.ก็ได้ย้ำว่า การรับคำร้องดังกล่าวของศาลรัฐธรรมนูญ ไม่กระทบต่อการเลือก สว. และทุกอย่างเดินหน้าต่อ มีประเด็นที่น่าสนใจว่า กรณีนี้น่าจะมีการพิจารณาแล้วเสร็จโดยเร็ว

เนื่องจาก ศาลรัฐธรรมนูญให้ กกต.ชี้แจงภายใน 5 วัน สำหรับมาตรา 36 มาตรา 40 มาตรา 41 และ มาตรา 42 ของพระราชบัญญัติว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว. ที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องไว้วินิจฉัยว่าขัดกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 107 หรือไม่นั้น เป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกับตัวผู้สมัคร กระบวนการเลือก สว.ตั้งแต่ระดับอำเภอ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ เพื่อให้ได้มาซึ่ง สว.ชุดใหม่ จำนวน 200 คน ตามที่รัฐธรรมนูญ มาตรา 107 กำหนด ถือเป็นปัญหาในข้อกฎหมายโดยแท้

หลังจากที่ศาลได้รับคำร้องไว้วินิจฉัย น่าสนใจต่อท่าทีของฝ่ายปฏิบัติของ กกต. แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต.ได้ส่งข้อความผ่านแอปพลิเคชันไลน์ผู้บริหารของสำนักงาน กกต. ระบุถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า เกิดก่อนวันเลือก สว. ระดับอำเภอไม่กี่วัน คนทำงานในพื้นที่คงมีคำถามในใจว่า เอาไงแน่ เอาไงต่อ เพื่ออธิบายสถานการณ์ให้แก่มิตรที่ร่วมกันทำงานในพื้นที่ สิ่งที่อยากบอกในยามที่ต้องเจอสภาพแบบนี้อย่างแรกคือ “อย่าใจเสีย” เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเงื่อนไขภายนอกอยู่เหนือการควบคุมของเรา เป็นปัญหาข้อกฎหมายโดยแท้ และคงจะคลี่คลายโดยเร็ว

ประการต่อมาที่เลขาฯ กกต.ได้ปลุกขวัญกำลังใจของผู้ใต้บังคับบัญชาก็คือ เมื่อปัญหาเกิดขึ้น ผู้บริหารไม่ได้นิ่งนอนใจ ได้เชิญด้านบริหารการเลือกตั้ง และสำนักกฎหมายมาร่วมหาทางออกในชั้นสำนักงาน กกต. โดยคำนึงถึงข้อกฎหมาย ผลกระทบ ความเสียหาย ทั้งแก่ส่วนรวมและองค์กร และเกียรติภูมิของสำนักงาน กกต. ซึ่งได้ข้อสรุปเบื้องต้นแล้ว ที่ต้องติดตามคือในวันนี้ (7 มิถุนายน) จะมีการเสนอให้ กกต.พิจารณา โดยแสวงได้ย้ำว่า ฝ่ายปฏิบัติไม่ได้ทำผิดอะไร เป็นปัญหาข้อกฎหมาย มีมุมมองและเหตุผลที่จะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องนี้ ซึ่งตนได้เตรียมไว้แล้ว

อยู่ที่ว่ากรรมการ กกต.จะเห็นเป็นอย่างไร คงต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเลขาฯ กกต.ได้สื่อสารกับผู้ใต้บังคับบัญชาว่า อาจจะรู้สึกเหนื่อยและอึดอัดในช่วงนี้อยู่บ้างเหมือนเวลาหยุดอยู่กับที่ แต่เมื่อทำงานใหญ่ก็ต้องเจอปัญหาแบบนี้ มันเป็นหน้าที่และสำนึกของพวกเรา แต่ตนเชื่อว่าสุดท้ายมันจะคลี่คลายไปในทางที่ดี เพราะเชื่อว่ารับผิดชอบบ้านเมืองได้ เจ้าหน้าที่ กกต.ทุกคนมีจิตใจที่แข็งแกร่ง ไม่เคยบ่น ไม่ท้อถอย ในช่วงที่ผ่านมาไม่ว่าจะเจอปัญหาใด ๆ ขอส่งกำลังใจ และฝากกำลังใจถึงน้อง ๆ และเพื่อนร่วมงานจากหน่วยอื่นที่ช่วยเหลือ สนับสนุนงานของสำนักงานด้วยดีเสมอมา รักศรัทธาคนทำงาน

เข้าใจหัวอกคนทำงานในฐานะฝ่ายปฏิบัติที่ต้องเจอแรงเสียดทานสารพัด แต่ทั้งหมดมันก็อยู่ที่ความกล้าตัดสินใจของ กกต.ที่เป็นผู้มีอำนาจเต็ม ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่ามีปัญหาถูกวิพากษ์วิจารณ์ในหลายเรื่อง นับตั้งแต่การเลือกตั้ง สส.เมื่อปี 2562 เป็นต้นมา ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับว่ากระบวนการเลือก สว.หนนี้ แม้จะอ้างความเป็นผู้แทนปวงชนคนไทย แต่ไม่มีจุดที่ยึดโยงกับกระบวนการมีส่วนร่วมของประชาชนแม้แต่น้อย มันจึงทำให้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรื่องเลือก สว. ประชาชนคงไม่ยินดียินร้าย

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มที่จะทำให้การเลือก สว.หนนี้ถูกล้มไปด้วยหรือไม่ มาถึงตรงนี้ต้องบอกว่าเป็นไปได้ทั้งนั้น ส่วนกระบวนการเลือกใหม่กรณีที่กฎหมายว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.ขัดกับรัฐธรรมนูญในมาตราที่มีผู้ร้อง ก็ต้องไปแก้ไขกันให้ถูกต้อง ซึ่งจะทำให้พวกลากตั้งปัจจุบันได้อยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง แต่ไม่ใช่การลากยาว การที่รัฐสภายังมีสมาชิกปฏิบัติหน้าที่อยู่ จึงไม่ใช่ปัญหาที่จะทำให้การแก้ไขกฎหมายล่าช้า และจะไม่ส่งผลต่อการเมืองภาพใหญ่

ที่ต้องเกาะติดกันใกล้ชิดในแง่ของภาคประชาชน น่าจะเป็นประเด็นยุบพรรคก้าวไกล เพราะศาลรัฐธรรมนูญได้นัดพิจารณาครั้งต่อไปในวันที่ 12 มิถุนายนนี้ โดยทางศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่า ก่อนมีคำวินิจฉัย คู่กรณีไม่สมควรแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับคดีที่เป็นการชี้นำสังคมอันอาจกระทบต่อการดำเนินกระบวนพิจารณาของศาล กรณีนี้คงเป็นการเตือนไปยังฝั่งผู้ถูกร้องอย่างก้าวไกลมากกว่า เนื่องจากที่ผ่านมาแกนนำมีการให้สัมภาษณ์กับสื่ออย่างต่อเนื่อง เหมือนจะเข้าใจในชะตากรรม แต่ไม่ยอมจำนน ต้องปลุกเร้าอารมณ์ร่วมของกองหนุน เพื่อรักษาระดับคะแนนนิยมไว้ให้ได้

ถือเป็นการดิ้นอย่างหนึ่งสำหรับแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ยืนยันได้จาก พริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคก้าวไกล ที่บอกว่า วันอาทิตย์ที่ 9 มิถุนายนนี้ จะมีการแถลงข่าวเปิดเผยแนวทางการต่อสู้คดี พร้อมกับออกตัวว่า การแถลงในวันนั้นไม่ได้กดดันศาล หรือชี้นำความคิด เป็นเพียงแค่การยืนยันและอธิบายกับประชาชน เอกสารที่ใช้ประกอบการแถลงก็ไม่ได้เป็นเอกสารลับ แต่เป็นเอกสารที่ยื่นคำชี้แจงต่อศาลรัฐธรรมนูญ อยากให้ความสบายใจกับประชาชน และศาลรัฐธรรมนูญว่าพรรคไม่ได้ไปกดดันหรือชี้นำสังคมในทางใดทางหนึ่ง ไม่ใช่เรื่องแปลกนี่เป็นการเดินเกมที่ถนัดทั้งเรียกร้องความเห็นใจ และท้าทายไปในคราวเดียวกัน

อรชุน

Back to top button