JAS ดีดบวก 2% รับ JTS สปินออฟ JasTel รุกเครือข่าย AI เต็มสูบ
JAS ดีดบวก 2% รับ JTS สปินออฟ JasTel รุกให้บริการคลาวด์-OTT สู่ตลาดอาเซียน ด้าน FA ประเมินมูลค่ายุติธรรม 16,000-20,000 ล้านบาท พบฐานะการเงินสุดแกร่งปี 66 กำไรสุทธิ 146.06 ล้านบาท ขณะที่ D/E ต่ำแค่ 0.43 เท่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 มิ.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ณ เวลา 10:46 น. อยู่ที่ระดับ 3.46 บาท บวก 0.06 บาท หรือ 62.60% สูงสุดที่ระดับ 3.52 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.40 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62.60 ล้านบาท
ด้านนายซัง โด ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 5/2567 เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2567 ได้มีมติอนุมัติให้ JTS ชำระทุนในบริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด (JasTel) ให้เต็มมูลค่าหุ้น คิดเป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 105 ล้านบาท รวมเป็นทุนจดทะเบียนและเรียกชำระแล้วเต็มมูลค่าจำนวน 520 ล้านบาท และอนุมัติแต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) เพื่อเตรียมความพร้อมในการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)
โดย JasTel ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทดำเนินธุรกิจให้บริการวงจรเช่าและบริการรับ-ส่งข้อมูลภายในประเทศและระหว่างประเทศ โดยมีการดำเนินธุรกิจเติบโตอย่างต่อเนื่อง JasTel จึงมีแผนเตรียมความพร้อมเพื่อขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และนำ JasTel เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการนำหุ้นสามัญในบริษัทย่อยของบริษัทจดทะเบียนเสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Spin-off) โดยจากการประเมินมูลค่ายุติธรรม (Fair value) JasTel มีมูลค่าประมาณ 16,000-20,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ การนำ JasTel เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จะเป็นการเพิ่มช่องทางระดมทุนให้กับ JasTel ให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนรูปแบบต่าง ๆ และได้รับเงินทุนจากการเสนอขายหุ้น IPO เพียงพอ ในการที่จะนำมาขยายธุรกิจโครงข่ายท้องถิ่นและภูมิภาค การให้บริการคลาวด์ บริการ OTT (Over-the-top) ที่จะเข้าสู่ตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ขยายศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อให้บริการและรองรับการเติบโตของธุรกิจ Generative AI และเป็นเงินทุนในการดำเนินกิจการเพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในอนาคต
จากการตรวจสอบผลการดำเนินงานของ JasTel ตั้งแต่ปี 2562-2566 พบว่าปี 2562 บริษัทมีรายได้ 1,292.99 ล้านบาท กำไรสุทธิ 111.72 ล้านบาท ปี 2563 มีรายได้ 1,389.51 ล้านบาท กำไรสุทธิ 94.24 ล้านบาท ปี 2564 บริษัทมีรายได้ 1,702.73 ล้านบาทก กำไรสุทธิ 225.86 ล้านบาท ปี 2565 มีรายได้ 2,020.69 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 190.14 ล้านบาท และปี 2566 ที่ผ่านมา มีรายได้ 2,144.63 ล้านบาท พลิกกลับมามีกำไรสุทธิ 146.06 ล้านบาท
สำหรับอัตราส่วนที่แสดงความสามารถในการทำกำไรบริษัท ได้แก่ 1)อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์รวม (ROA) ตั้งแต่ปี 2562-2566 พบว่า ในปี 2562 อยู่ที่ 8.5% ปี 2563 อยู่ที่ 7.46% ปี 2564 อยู่ที่ 18.45% ปี 2565 ติดลบ 11.97% และปี 2566 อยู่ที่ 8.72% (หมายความว่า ถ้ากิจการลงทุนในสินทรัพย์ 100 บาท จะสามารถทำกำไรจากสินทรัพย์ได้ 8.72 บาท)
2)อัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ตั้งแต่ปี 2562-2566 พบว่า ปี 2562 อยู่ที่ 11.92% ปี 2563 อยู่ที่ 11.93% ปี 2564 อยู่ที่ 32.26% ปี 2565 ติดลบ 26.30% และปี 2566 อยู่ที่ 20.69% (หมายความว่า ถ้ากิจการมีส่วนผู้ถือหุ้น 100 บาท สามารถทำกำไรได้ 20.69 บาท)
3)อัตราผลตอบแทนจากกำไรสุทธิต่อรายได้รวม ตั้งแต่ปี 2562-2566 พบว่า ปี 2562 อยู่ที่ 8.64% ปี 2563 อยู่ที่ 6.78% ปี 2564 อยู่ที่ 13.27% ปี 2565 ติดลบ 9.41% และปี 2566 อยู่ที่ 6.81% (หมายความว่า จากยอดขาย 100 บาท หลังหักต้นทุนขายและค่าใช้จ่ายต่าง ๆ แล้ว มีกำไร 6.81 บาท)
นอกจากนี้ ยังมีอัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญ ได้แก่ อัตราส่วนหนี้สินรวมต่อสินทรัพย์รวม (D/E) ปี 2566 อยู่ที่ 0.43 เท่า แสดงว่ากิจการมีสินทรัพย์มากกว่าหนี้สินและมีความเสี่ยงในการชำระหนี้ที่ลดลง
นายพิสุทธิ์ งามวิจิตวงศ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณีบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS สปินออฟ (Spin off) หุ้น JasTel ถือเป็นเรื่องดี เพราะมูลค่าจะเพิ่มจากราคาทุนไปเป็นราคาตลาด โดยมูลค่าตลาดที่ 1.6-2.0 หมื่นล้านบาท โดยคิดเป็น PER ที่ 15-20 เท่า ประเมินเป็นกำไรสุทธิประมาณ 800-1,300 ล้านบาท
แหล่งข่าวจาก บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC เปิดเผยว่า บริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะขายหุ้น กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต สามบีบี หรือ 3BBIF ที่ถืออยู่ 19% ในขณะนี้ รวมทั้งการนำสินทรัพย์ อาทิ เสาโทรคมนาคมของ AIS ขายเข้ากองทุน 3BBIF โดยก่อนหน้านี้บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF ได้ขายหุ้น 3BBIF สัดส่วน 5% ให้บริษัทจัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ไปทั้งหมดแล้ว
กรณี JAS กลับเข้าไปลงทุนกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต สามบีบี (3BBIF) จำนวน 399,920,300 หน่วย (สัดส่วน 5%) ของจำนวนหน่วยทั้งหมด เนื่องจาก JAS มีสถานะเป็นโฮลดิ้งคอมพานีแล้ว และการเข้าไปลงทุนใน 3BBIF ถือเป็นการบริหารเงินสด และได้ผลตอบแทน 8-10% ถือเป็นผลตอบแทนสูงกว่านำเงินสดไปฝากธนาคาร ที่ปัจจุบันให้ดอกเบี้ยแค่ 1% กว่า ๆ เพียงเท่านั้นเอง
อนึ่ง บริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ JTS สัดส่วน 40.10% ของจำนวนหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด