พาราสาวะถี

สถานการณ์การเมืองที่มองกันด้วยความเป็นห่วง ถูกลากไปพ่วงกับกรณีหุ้นร่วงกราวรูดว่ามาจาก 3 เรื่องสำคัญที่คาดหมายว่าจะมีการชี้ขาดกันภายในเดือนนี้


สถานการณ์การเมืองที่มองกันด้วยความเป็นห่วง ถูกลากไปพ่วงกับกรณีหุ้นร่วงกราวรูดว่ามาจาก 3 เรื่องสำคัญที่คาดหมายว่าจะมีการชี้ขาดกันภายในเดือนนี้ ความจริงแล้วอาจมีส่วนที่ทำให้เกิดการหวั่นวิตกได้ แต่คงไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จะกระทบตลาดทุนถึงขนาดนั้น เพราะความจริงหากไม่ไหลตามกระแสของพวกเสี้ยมหรืออยากจะให้ผลของคดีเป็นไปตามที่ต้องการ จาก 3 น่าจะเหลือเพียงแค่เรื่องเดียวที่มีโอกาสจะจบตามคำทำนายทายทัก

นั่นก็คือ การยุบพรรคก้าวไกล ไม่ว่ามองมุมไหนโอกาสรอดริบหรี่ ยิ่งเห็นอาการดิ้น การตั้งโต๊ะแถลงแนวทางการสู้คดี ทั้งที่ ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งแนบท้ายไม่ให้ฝ่ายผู้ร้องหรือผู้ถูกร้องเคลื่อนไหวแสดงความเห็นใด ๆ อันจะเป็นการสร้างความสับสนและชี้นำกระบวนการวินิจฉัย ย่อมเป็นการตอกย้ำทั้ง พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรค และ ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคปัจจุบัน รู้ดีว่าชะตากรรมของพรรคตัวเองนั้นจะจบลงอย่างไร

หากเป็นไปเช่นนั้น ยิ่งไม่น่าจะส่งผลกระทบอะไรในทางการเมือง เพราะกลับกันจะกลายเป็นผลดีต่อรัฐบาลเนื่องจากผึ้งแตกรังจะหนีไปซบพรรคการเมืองฝ่ายกุมอำนาจ อาจจะเป็นพรรคแกนนำประปราย ที่จะไหลไปมากหน่อยน่าจะเป็นภูมิใจไทยกับพลังประชารัฐ การกวาดต้อนเที่ยวนี้ก็น่าจะเข้ากับจังหวะที่ เศรษฐา ทวีสิน ขยับปรับเปลี่ยน ครม.อีกรอบ จะถือโอกาสเกลี่ยโควตา จัดสรรปันส่วนกระทรวงกันให้ลงตัวเพื่อขับเคลื่อนงานเต็มที่ เตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งต่อไป

ส่วนปมที่ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยกรณีเศรษฐานั้น ฟังจาก วิษณุ เครืองาม ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีบอกถึงกระบวนการทำคำชี้แจง และเอกสาร หลักฐานต่าง ๆ ที่ส่งให้ศาลแล้ว คงไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ท่านผู้นำหนักใจอีกต่อไป ไม่ได้หมายความว่าเนติบริกรศรีธนญชัยจะมีอิทธิฤทธิ์อิทธิเดชอะไรขนาดนั้น แต่เมื่อสิ่งที่จะต้องตีความเป็นเรื่องใหม่ ใช้การอธิบายสิ่งที่เป็นนามธรรมให้สังคมยอมรับ คล้อยตาม มันเป็นเรื่องยาก การอุบไต๋ไม่บอกรายละเอียดของที่ปรึกษานายกฯ เท่ากับว่า เจอจุดที่จะทำให้ผู้ถูกร้องรอดแล้วนั่นเอง

ขณะที่ คดีของ ทักษิณ ชินวัตร หลังจากที่เกิดกระแสข่าวว่าทีมกฎหมายของอดีตนายกฯ ได้ส่งหนังสือชี้แจงหรือร้องขอความเป็นธรรมกับอัยการสูงสุด โดยมีประเด็นต่อสู้ว่าด้วยแรงกดดันของพนักงานสอบสวนที่ถูกเผด็จการ คสช.กดดัน ครอบงำ จน ต่อตระกูล วินิจฉัยภาค อดีตอัยการสูงสุดยุคนั้น ต้องออกโรงโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวยืนยัน ไม่เคยมีใครสั่ง ข่มขู่ โน้มน้าว ชักจูง ให้ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการสอบสวน พร้อมกับการยืนยันด้วยเกียรติของลูกผู้ชาย

แล้วแต่ว่าใครจะเชื่อ ความจริงอย่างที่รู้กันในยุคเผด็จการ คสช.นั้น ความเข้มข้นในการใช้นิติสงครามจัดการฝ่ายตรงข้ามนั้นเป็นอย่างไร เรียกได้ว่า กระบวนการยุติธรรมตั้งต้นยุคนั้นถูกวิจารณ์อย่างหนัก แทบจะกลายเป็นทุกอย่างอยู่ภายใต้อุ้งตีนเผด็จการทั้งสิ้น เมื่อเห็นการขยับแบบนี้น่าจะเรียกได้ว่าเข้าทางตามที่ทีมกฎหมายของนายใหญ่ต้องการ ส่วนที่ว่าเป็นการประวิงเวลาในการนัดส่งตัวฟ้องศาลนั้น ต้องย้ำกันว่า เปิดหน้าท้าชนขนาดนี้ ทักษิณไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรอีกแล้ว

ทำไปทำมาจากที่ว่าอำนาจฝ่ายบริหารอาจสั่นคลอนจากผลแห่งคดี ที่น่ากังวลกลับเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติไปเสียฉิบ ทั้งปมยุบพรรคก้าวไกล และการเลือก สว.ที่กำลังดำเนินการอยู่ เห็นการให้ข่าวของฝ่ายที่ต้องการล้ม ต้องยอมรับว่า ช่วงของการเลือกระดับอำเภออาจไม่เป็นปัญหา จึงทำให้ กกต.ประกาศว่า การเลือก สว.ระดับอำเภอเป็นไปด้วยความราบรื่น เรียบร้อย ที่ กกต.ไม่มีปมร้องเรียน แต่พวกลากตั้งบางรายกลับมีข้อมูลที่อ้างว่าทุจริตมาปูดผ่านสื่อกันแบบรายวัน

ไม่ว่าจะอย่างไร สุดท้ายการเลือกระดับอำเภอคงผ่านไปได้ เมื่อเข้าสู่การเลือกระดับจังหวัด และระดับประเทศ เป็นเรื่องที่น่าติดตาม ขนาดวิษณุยังแสดงความกังวล โดยมองว่า บางจังหวัดอาจจะไม่มี สว.เลยก็ได้ แต่ก็ยังเชื่อว่าวันที่ 2 กรกฎาคมนี้ น่าจะได้ สว.ใหม่ทั้งหมด เพราะมีรายชื่อสำรองอีกตั้ง 100 คน ถ้าผิดถูกก็ไปสอยเอาทีหลังได้ ที่ต้องขีดเส้นใต้ก็คือ ถ้ากระบวนการเลือก สว.ล้ม จะส่งผลเสียหายมากหรือไม่ เจ้าตัวย้อนตอบนักข่าวว่า “คุณเป็นฝ่ายที่สมมุติขึ้นมา แต่ถ้ามันจริงอย่างที่คุณสมมุติ มันก็กระทบรุนแรง” แต่ตนไม่คิดว่าจะมีผลกระทบรุนแรงขนาดนั้น

คงขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่คาดว่าน่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 19 มิถุนายนนี้ กรณีดังกล่าว ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ตั้งข้อสังเกตกับเงื่อนเวลาที่อาจจะมีการวินิจฉัยว่า แปลว่าท่านตั้งใจที่จะให้การเลือกระดับอำเภอและระดับจังหวัดมันผ่านไปก่อน เรียกว่า ถ้ามันยุ่งมากนัก เรื่องเยอะ มีโอกาสมากที่การเลือก สว.จะถูกทำให้เป็นโมฆะ แบบนี้จะเข้าทางพวกลากตั้งที่มาจากเผด็จการ คสช.เพราะจะรักษาการไปยาว ๆ

อย่างไรก็ตาม การได้ทำหน้าที่ต่อไปของพวกลากตั้งชุดเก่านั้น วิษณุยืนยันว่า ไม่มีอำนาจในการโหวตเลือกนายกฯ เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดมีอำนาจแค่ 5 ปีเท่านั้น ซึ่งหมดไปแล้วตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เช่นเดียวกับการพิจารณากฎหมายปฏิรูปที่ล็อกไว้ 5 ปีเหมือนกัน สำหรับระยะเวลาที่จะรักษาการนั้น ขึ้นอยู่กับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่จะชี้ว่าร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง สว.ที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ จะต้องแก้ไขกันอย่างไร และใช้เวลานานขนาดไหน

เมื่อปัจจัยการเมืองว่าด้วยเรื่องเสถียรภาพรัฐบาลไร้ปัญหา จึงเป็นเหตุให้เศรษฐาต้องเดินหน้าเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจให้กระเตื้องโดยเร็ว ประชุม ครม.นัดล่าสุด สั่งทุกหน่วยงานเร่งกระตุ้นใช้จ่ายเพื่อดันจีดีพีให้โตขึ้น หลังสภาพัฒน์รายงานตัวเลขไตรมาสแรกโตแค่ 1.5% ซึ่งจากการประชุม ครม.เศรษฐกิจเมื่อวันจันทร์ก็หวังว่าจะสามารถดึงตัวเลขปีนี้ให้โตไปแตะที่ 3% ให้ได้ ถือเป็นงานหิน แต่การที่ เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เข้าร่วมประชุมด้วยทั้งสองนัด อาจเป็นสัญญาณที่ดีว่า ฝ่ายการคลังและการเงิน น่าจะเข้าใจปัญหาตรงกัน แก้ปัญหาตรงจุด ทำให้ประชาชนมีความหวังขึ้นมาอีกขั้น

อรชุน

Back to top button