SET เปราะบาง รอลุ้นผลพิจารณาคดีการเมือง

สำหรับประเด็นที่ FOMC ส่งสัญญาณ Hawkish โดยปรับคาดการณ์ลดดอกเบี้ยเหลือเพียงครั้งเดียวในปีนี้ และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อแต่คง GDP และว่างงาน


สำหรับประเด็นที่ FOMC ส่งสัญญาณ Hawkish โดยปรับคาดการณ์ลดดอกเบี้ย (Dot plot) เหลือเพียงครั้งเดียวในปีนี้ และปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อแต่คง GDP และว่างงาน InnovestX เห็นด้วยกับประธาน Fed ที่ว่า (1) Dot plot คือการคาดการณ์ของแต่ละคณะกรรมการบุคคล ไม่ใช่การส่งสัญญาณดอกเบี้ยของ Fed และ (2) โดยแท้จริงแล้ว เสียงส่วนใหญ่ของคณะกรรมการที่ให้ลด 2 ครั้งมีมากที่สุด (8 ท่าน ใน 19 ท่าน)

นอกจากนั้น InnovestX มองว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นสถานการณ์ Soft-landing ในปัจจุบัน โดยตลาดแรงงานลดความร้อนแรงลง เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงมากกว่าที่ InnovestX คาดเล็กน้อย (โดยเงินเฟ้อล่าสุดที่ชะลอลงเป็นผลจาก Cos- push inflation ที่ลดลง ขณะที่ Demand-pull inflation ทรงตัว) และ (3) ภาคการผลิตชะลอตัวค่อนข้างแรงและน่ากังวล (พิจารณาจาก ISM ภาคการผลิต) ทำให้ InnovestX ยังคงคาดการณ์ว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 2 ครั้งในปีนี้ โดยจะลดในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. และต้องจับตาพัฒนาการเศรษฐกิจใกล้ชิด

ในประเด็นเงินเฟ้อผู้บริโภคจีนที่อยู่ในระดับต่ำกว่าคาด ขณะที่เงินเฟ้อผู้ผลิตหดตัวต่อเนื่อง 18 เดือนนั้น InnovestX มองว่า บ่งชี้ถึงเศรษฐกิจจีนที่ฟื้นตัวอย่างเปราะบาง โดยแม้ภาคการส่งออกและภาคการผลิตจะฟื้นตัวขึ้น แต่รายได้ประชาชนยังไม่ฟื้นตัวมากนัก ทำให้การใช้จ่ายจะยังคงซึมเซาอยู่อีกระยะหนึ่ง จึงต้องติดตามมาตรการการคลังต่าง ๆ ทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านหยวน และมาตรการกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายผ่านการสนับสนุนให้เปลี่ยนเครื่องใช้ไฟฟ้าและรถยนต์ ซึ่งเป็นมาตรการของรัฐบาลท้องถิ่นว่าจะได้ผลหรือไม่

ในส่วนของตลาดหุ้นไทยนั้น InnovestX มอง SET จะยังผันผวนและเปราะบาง จากความกังวลความเสี่ยงเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ โดยในวันที่ 18 มิ.ย. นี้จะมีการพิจารณา 4 คดีทางการเมืองสำคัญ ได้แก่ คดียุบพรรคก้าวไกล, คดีถอดถอนนายกฯ เศรษฐา, คดีอดีตนายกฯ ทักษิณ และคดี สว. จึงทำให้ SET ยังมีแนวโน้ม Underperform ตลาดหุ้นในภูมิภาค ท่ามกลางตัวเลขยอดการผลิตรถยนต์และการส่งออกของไทยที่คาดจะยังอ่อนแอ ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนและสหรัฐคาดจะมีการฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่วน BoE คาดจะมีมติคงดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ 5.25% แต่จะส่งสัญญาณผ่อนคลายนโยบายการเงินในไตรมาส 3/67 กลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ Selective Buy” ใน 4 ธีมหลัก ดังนี้

  1. หุ้น Global Play ที่คาดผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่องและได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกมากกว่าที่จะขึ้นกับการเติบโตของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ไม่แน่นอน เลือก KCE, SCGP, PTTGC
  2. หุ้นที่คาดไตรมาส 2/67 กำไรจะเติบโตทั้งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อน อีกทั้ง Valuation ยังไม่แพง นอกจากนี้ยังเป็นหุ้นที่อยู่ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวชนะตลาดได้จากต้นปีถึงปัจจุบัน (YTD) เลือก ICT (ADVANC) TOURISM (MINT)  และ FOOD (TU, BTG, OSP
  3. หุ้นที่คาดได้อานิสงส์บวกจากการเข้าสู่บรรยากาศแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (ยูโร 2024) ในช่วงวันที่ 14 มิ.ย.-14 ก.ค. 67 เลือก ADVANC, TRUE, CPALL, MINT, TU 
  4. สถานการณ์ในตะวันออกกลางเริ่มเบาบางลง ทำให้ราคาน้ำมันดิบ Brent ปรับตัวลดลงมาอยู่ในกรอบล่างของช่วง 80-90 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งมองยังสามารถมีหุ้นน้ำมันสำหรับป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ได้ ดังนั้นนักลงทุนที่รับความเสี่ยงได้สูง จึงยังคงเลือกหุ้นน้ำมันขั้นต้นอย่าง PTTEP

สุกิจ อุดมศิริกุล

FOMC Jun 2024 Econ Projection

Variable (%) 2024 2025 2026 Longer run
GDP

(Mar Proj.)

2.1 2.0 2.0 1.8
2.1 2.0 2.0 1.8
U-rate

(Mar Proj.)

4.0 4.2 4.1 4.2
4.0 4.1 4.0 4.1
Core PCE

(Mar Proj.)

2.8 2.3 2.0
2.6 2.2 2.0
Fed Funds

(Mar Proj.)

5.1 4.1 3.1 2.8
4.6 3.9 3.1 2.6

 

Back to top button