รวมหุ้นยับเยิน
ตลาดหุ้นไทยจะเละขนาดไหน? หรือจะลงไปลึกขนาดไหน? ก็คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าใคร เพราะสิ่งที่ทุกคนรู้เท่า ๆ กันก็คือ สภาพตลาดหุ้นไทยในตอนนี้ไม่มีอะไรดีสักอย่าง
ตลาดหุ้นไทยจะเละขนาดไหน? หรือจะลงไปลึกขนาดไหน? ก็คงไม่มีใครรู้ดีไปกว่าใคร เพราะสิ่งที่ทุกคนรู้เท่า ๆ กันก็คือ สภาพตลาดหุ้นไทยในตอนนี้ไม่มีอะไรดีสักอย่าง และเงินในกระเป๋านักลงทุนก็เหือดแห้งไปมาก เพราะติดหุ้นในราคาสูงจนไม่กล้าตัดขายขาดทุน ส่งผลให้นักลงทุนไม่กล้ารับหุ้นเข้าพอร์ตเพิ่มเติม หลังมองว่า อาจมีราคาที่ต่ำกว่าให้ซื้ออีกเป็นจำนวนมากไงล่ะคะ
ฉะนั้นการที่ดัชนีลงไปถึง 1,281.87 จุด ก่อนจะตีกลับท้ายตลาดขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,303.82 จุด บวกไป 6.41 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.30 หมื่นล้านบาท จึงเหมือนเป็นกระจกเงาที่สะท้อนภาพความไม่มั่นใจของนักลงทุนได้เป็นอย่างดี และเดี๊ยนไม่มีความจำเป็นต้องฝืนกระแสความกังวลที่เกิดขึ้น เพราะเวลานี้นักลงทุนขายหุ้นหนีตายลูกเดียว ผสานกับผลงานของบริษัทจดทะเบียนก็ทรุดฮวบ และผู้บริหารก็มีปัญหาเรื่องถูกฟอร์ซเซล ส่งผลให้สถานการณ์ยับเยินเจ้าค่ะ
โดยเฉพาะสถานการณ์ของหุ้น NEX ที่ผู้บริหารชอบพูดกำกวมทุกครั้งที่มีการตั้งโต๊ะแถลงข่าว สุดท้าย “เฮียหลิน” ก็ต้องจนแต้มด้วยข้อเท็จจริงที่ปรากฏบนเอกสารที่แจ้งกับตลาดหลักทรัพย์? ผู้คนในแวดวงตลาดหุ้นเลยงงงวยกับพฤติกรรมของเฮีย เพราะดูเหมือนเฮียจะกลับไปกลับมาตลอดเวลา วานนี้เลยถูกเทขายหนักตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะยืนปิดไปที่ระดับ 1.79 บาท ลบไป 0.14 บาท หรือลงไป 7.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 962 ล้านบาทพะย่ะค่ะ
เมื่อสถานการณ์มันชี้ว่า ลูกสร้างปัญหาไม่หยุดหย่อน ตัวแม่ที่คอยโอบอุ้มอย่าง EA เลยตกกระไดพลอยโจนไปด้วย และทำให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง ซึ่งเป็นชนวนเหตุที่ทำให้โดนขายทิ้งหนัก จนราคาหุ้นลงมายืนที่ 18 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 5.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.49 พันล้านบาท ขณะที่ลูกอีกตัวอย่าง BYD ก็มีชะตากรรมไม่ต่างกันสักเท่าไหร่ หลังราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ 1.51 บาท ลบไป 0.28 บาท หรือลงไป 15.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 191 ล้านบาทนะจ๊ะ
ประเด็นข้างต้นไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะผลกระทบดังกล่าวก็ลามมาที่ TRC ด้วยเช่นกัน เพราะเหมืองโปแตชต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก นักลงทุนเลยกังวลว่า แผนธุรกิจอาจสะดุดกลางคัน ผนวกกับยังไม่มีประเด็นใหม่ ๆ ที่ทำให้เชื่อว่า การเทิร์นอะราวด์จะเกิดขึ้นในเร็ววัน วานนี้ถึงเห็นหุ้นโดนทิ้งหนักตลอดเวลา ก่อนจะจบลงด้วยการยืนปิดที่ระดับ 0.13 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 23.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 24 ล้านบาทไงล่ะจ๊ะ
อีกรายที่โดนจัดหนักเพราะโดนฟอร์ซเซลคงมองไปที่หุ้น NRF เป็นรายถัดมา เพราะการลงมาปิดที่ระดับ 2.08 บาท ลบไป 0.92 บาท หรือลงไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 54 ล้านบาท มันเป็นฟลอร์ที่ 2 หลังจากมีฟลอร์แรกไปเมื่อวันก่อน เลยเชื่อว่า วันนี้จะมีฟลอร์ที่ 3 เพราะออเดอร์ขายยังรออยู่เป็นจำนวนมาก จึงกลายเป็นของร้อนที่ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะสงครามยังไม่จบนะจะบอกให้
เช่นเดียวกับในรายของ SABUY ก็มีประเด็นโดนคนซีพีเทเพิ่มทุนออกมาแบบนี้ ก็ทำให้หลายอย่างแย่ลงกว่าเดิม พร้อมกับเกิดคำถามขึ้นมากมายว่า ต่อไปจะทำอะไรกิน? เพราะที่ผ่านมาใช้วิธีไขว้หุ้นเพื่อเพิ่มมูลค่าทางลัด ในขณะที่พื้นฐานธุรกิจไม่ได้ดีเด่อะไรเลย จึงกลายเป็นหุ้นที่น่ากลัวสุด ๆ และการที่ทุกคนโยนหุ้นทิ้งแบบไม่มีเยื่อใย จนราคาหุ้นลงมาปิดที่ 0.63 บาท ลบไป 0.28 บาท หรือลงไป 30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 107 ล้านบาท ก็แสดงว่า จบแล้วค่ะนาย!
สถานการณ์ดังกล่าวยังกระทบชิ่งไปหา MGI แบบเต็มข้อ เพราะเป็นหนึ่งในพาร์ตเนอร์รายข้างต้น ซึ่งตอนนั้นก็หวังสูงเกินตัวว่า สบายจะช่วยต่อยอดเรื่องขายน้ำพริก และเรื่องเพ้อฝันอื่น ๆ อีกมากมาย แต่ทันทีที่ทุกอย่างเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังเท้า “โมนิก้า” ก็ไม่เห็นพวกขุนพลอยพยักออกมาเสนอหน้าอีกเลยว่า การทรุดตัวลงมาปิดที่ 19.10 บาท ลบไป 1.40 บาท หรือลงไป 6.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 120 ล้านบาท มันสมเหตุสมผลไหม?..ตอบหน่อยจิ
ทิ้งท้ายพอเป็นกระษัยว่า วันพรุ่งนี้จะเม้าท์ถึงเรื่อง “ประธานตลาดฯ” กับ “ผู้จัดการตลาดฯ” เพราะมีข้อมูลหลายสายชี้ให้เห็นข้อสงสัยหลายประการ รวมทั้งความสัมพันธ์ของบุคคลที่เข้ามาเกี่ยวข้อง ล้วนเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้คนในตลาดหุ้นอ้าปากค้างไปตามกัน เดี๊ยนเลยอยากให้บรรดาขาเผือกรอติดตามก็แล้วกัน..อิอิอิ
โมนิก้า: และทีมงาน