สินค้าแบรนด์หรู เรียงแถวหั่นราคาขาย หวังดึงดูดนักช้อปชาวจีน

สินค้าแบรนด์หรู พร้อมใจหั่นราคาขาย บนแพลตแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน หวัง สายช้อปชาวจีนควักกระเป๋าจ่าย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ ( 21 มิ.ย.67 ) สำนักข่าว Bloomberg รายงานว่า บรรดาสินค้าแบรนด์เนมชั้นนำระดับโลกบางรายกำลังลดราคาขายสินค้าบางรายการของแบรนด์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในตลาดจีน สะท้อนให้เห็นถึงความตื่นตระหนกที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับสินค้าคงคลังที่ขายไม่ออก ในขณะที่ผู้บริโภคชาวจีนเพิ่มความระมัดระวังในการใช้จ่ายของตนเองมากยิ่งขึ้น

รายงานระบุว่า เริ่มตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป เหล่านักช้อปชาวจีนสามารถซื้อกระเป๋าถือ Hourglass อันเป็นเอกลักษณ์ของ Balenciaga รุ่นสีเบจ ลายจระเข้ ได้ในราคา 1,947 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นราคาขายที่ลดลงถึง 35% จากราคาเต็มบนร้านค้าออนไลน์ใน Tmall ของ Alibaba Group Holding Ltd. ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำของจีน และราคาดังกล่าวถูกกว่าราคาที่ระบุไว้บนเว็บไซต์อย่างเป็นทางการของแบรนด์และแพลตฟอร์มชั้นนำอื่นๆ เช่น FARFETCH

ขณะที่ Balenciaga ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Kering SA ยักษ์ใหญ่ด้านสินค้าหรูหราของฝรั่งเศส ได้ลดราคาสินค้าเฉลี่ย 40% ในช่วง 3 เดือนจาก 4 เดือนแรกของปี 2024 นอกจากนี้ทางแบรนด์ยังได้เพิ่มจำนวนสินค้าลดราคาบน Tmall มากขึ้นสองเท่า ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของสินค้าคงคลังบนแพลตฟอร์มตั้งแต่เดือนมกราคม-เมษายน

เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว Balenciaga ลดราคาเฉพาะสินค้าในเดือนมกราคมโดยเฉลี่ยประมาณ 30% เท่านั้น อีกทั้งยังไม่มีการลดราคาเลยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2023

นอกจากนี้ แบรนด์หรูอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่คล้ายคลึงกัน เห็นได้จากการที่ Versace ของ Capri Holdings Ltd., Givenchy ของ LVMH และ Burberry Group Plc ต่างติดป้ายลดราคาลงมากกว่าครึ่งหนึ่งในช่วงเดือนมิถุนายนบน Tmall และแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอื่นๆ ในจีน

ข้อมูลยังระบุอีกว่า เฉพาะ Versace ทางแบรนด์ได้จัดส่วนลดโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจากประมาณ 40% เมื่อต้นปี 2023 เป็นมากกว่า 50% ในปีนี้  ยิ่งไปกว่านั้น Versace และแบรนด์พรีเมียมอื่นๆ หลายแบรนด์เสนอส่วนลดเป็นระยะเวลานานมากขึ้นในปีนี้ และมากกว่าที่เคยเซลในปี 2023 ก่อนหน้า แถมจำนวนผลิตภัณฑ์ที่ลดราคายังเพิ่มขึ้นเป็นหลายร้อยรายการในช่วง 4 เดือนของปีนี้ จากเดิมที่มีเพียงไม่กี่รายการในปีที่ผ่านมา

หากย้อนไปในช่วงไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ สงครามราคาสำหรับแบรนด์เนมหรูหราถือเป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงอย่างยิ่ง เนื่องจาก แต่ละแบรนด์มีการเติบโตอันเนื่องมาจากภาพลักษณ์แห่งความพิเศษเฉพาะตัวและผลิตภัณฑ์ที่รักษาคุณค่าไว้ ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากแสนยากที่จะเห็นแบรนด์หรูจะพยายามเคลียร์สต็อกให้หมด ผ่านการขายลดราคาอย่างหนักบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่ไม่ใช่แบรนด์บริษัทโดยตรง

อย่างไรก็ดี ก็มีสินค้าแบรนด์หรูบางแบรนด์อย่าง เช่น Hermes International SCA, CHANEL และ Louis Vuitton ของ LVMH ที่สามารถก้าวข้ามวิกฤตด้วยการเปิดรับอีคอมเมิร์ซอย่างจำกัด และมุ่งเน้นไปที่กลุ่มลูกค้าระดับบนรายได้สูงเป็นหลัก ซึ่งช่วยให้แบรนด์รอดพ้นจากผลกระทบของภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนได้ ขณะที่แบรนด์บางแบรนด์ เช่น Kering’s Gucci, Prada SpA และแบรนด์ในเครือ Miu Miu ต่างงดการเสนอส่วนลดบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน

Back to top button