อ่วม! “ชนินทร์” โดนแจ้ง 6 ข้อหาใหญ่คดี STARK “ทวี” จ่อยกระดับกฎหมายตลาดทุนไทย

“พันตำรวจทวี สอดส่อง” แถลงผลสอบ “ชนินทร์ เย็นสุดใจ” ปมคดีหุ้น STARK เผยแจ้งข้อหาแล้ว 6 ข้อหาใหญ่ ความเสียหายมูลค่ากว่า 1.4 หมื่นล้านบาท ชี้ปปง.ตามคืนได้แล้ว 3 พันกว่าล้านบาท เตรียมหารือประธานตลท. ยกระดับความเชื่อมั่นตลาดทุนไทย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าวันนี้ (23 มิ.ย. 67) พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เปิดเผยหลังการติดตามความคืบหน้า การควบคุมตัวและสอบสวน นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการบริหารบริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK และเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาคดี STARK ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ว่า คดีนี้เป็นคดีที่มีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชนโดยเฉพาะในเรื่องของตลาดทุนไทย และเป็นคดีสำคัญที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสนใจ ซึ่งทันทีที่นายชนินทร์มาถึงประเทศไทย ได้มีการเขียนบันทึกการจับกุม ตามขั้นตอนของกฎหมาย

โดยในส่วนของ DSI พนักงานสอบสวนได้ส่งสำนวนให้อัยการแผนกคดีพิเศษ และมีความเห็นสมควรสั่งฟ้องนายชนินทร์ ในจำนวน 6 ข้อหาสำคัญ ซึ่งมีทั้งความผิดตามกฎหมายอาญา คือการร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ความผิด พ.ร.บ.หลักทรัพย์ เกี่ยวกับการลงบัญชีเท็จ,ผู้บริหารปฏิบัติหน้าที่ด้วยความไม่ระมัดระวัง เป็นผู้บริหารทุจริต และความผิดฐานฟอกเงิน

เนื่องจากอัยการได้เห็นสมควรสั่งฟ้องแล้ว ในหลักการคือพนักงานสอบสวนเสร็จสิ้นแล้ว จะดำเนินการสอบปากคำ ซึ่งทราบจากพนักงานสอบสวนแจ้งข้อหา ทั้ง 6 ข้อหาใหญ่ให้ผู้ต้องหารับทราบแล้ว ซึ่งในแต่ละข้อหามีหลายกรรม โดยรวมๆ เป็นร้อยกรรม ซึ่งหลังจากแจ้งข้อหาแล้วจะเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาว่าจะให้การหรือไม่ โดยไม่ขอบอกรายละเอียดในส่วนดังกล่าว

อย่างไรก็ดี หากกระบวนการสอบสวนเสร็จสิ้นในวันนี้ ตามหลักการวันพรุ่งนี้ (24 มิ.ย.67) พนักงานสอบสวนต้องนำตัวนายชนินทร์ ไปส่งฟ้องกับพนักงงานอัยการ เพื่อจะได้พิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป โดยเป็นที่ทราบดีว่ากรณีดังกล่าวมีมูลค่าความเสียหาย  14,778 ล้านบาท และมีผู้เสียหายกว่า 4,072 ราย ซึ่งมีทั้งสถาบันการเงิน และนักลงทุนรายย่อย รวมทั้งผู้ถือหุ้นกู้

สำหรับความเสียหายในจำนวน 14,778 ล้านบาท ทางปปง.ได้ตามเงินได้ประมาณ 3,000 กว่าล้านบาท ซึ่งยังมีเงินอีกส่วนหนึ่งที่ยังต้องติดตามต่อไป โดยมีความเป็นห่วงผู้เสียหายเนื่องจากต้องสูญเสียทรัพย์สิน ซึ่งในส่วนของการบรรเทาความเสียหายนั้นจะดำเนินการติดตามเงินต่อไป โดยขอให้ DSI, ปปง., อัยการ และกระทรวงการต่างประเทศช่วยติดตามในส่วนดังกล่าว โดยมองว่าอาจจะเป็นอุทาหรณ์ในอนาคต ที่ส่งผลกระทบในวงกว้าง

พ.ต.อ.ทวี ยังระบุว่า ในส่วนของกระทรวงยุติธรรม และดีเอสไอ ยังมีกลุ่มของการฟอกเงินที่ตั้งเรื่องไว้ นอกเหนือจากคดีของนายชนินทร์ และได้ติดตามเส้นทางทางการเงิน และตรวจสอบว่ามีความผิดฐานฟอกเงินหรือไม่ ซึ่งเรื่องนี้กระทรวงการยุติธรรม มีความเป็นห่วงในเรื่องดังกล่าว และอยากสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนไทย โดยจะพยายามยกระดับเรื่องหลักนิติธรรม ส่วนตัวได้มีโอกาสพูดคุยกับ ศาสตราจารย์พิเศษ กิติพงศ์ อุรพีพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ถึงการร่วมหารือกันในการยกระดับความเชื่อมั่นของตลาดทุนไทย

สิ่งสำคัญคือคดีดังกล่าวเป็นคดีสะเทือนขวัญทางตลาดเงิน และตลาดทุนไทย โดยเฉพาะข้อหาลงบัญชีเท็จ ซึ่งเกี่ยวกับระบบการเงิน และภาษี โดยรัฐบาลจะเพิ่มความจริงจังในเรื่องดังกล่าวให้มากขึ้น โดยในส่วนของกระทรวงยุติธรรม ที่ดูแลกรมสอบสวน จะยกระดับเพื่อป้องกันไม่เกิดความเสียหายต่อประชาชน พันตำรวจเอก ทวี กล่าว

ส่วนผู้ต้องหาคนอื่นๆ ขณะนี้ยังไม่มีการประกันตัว โดยวันนี้ได้จับกุมครบแล้ว สำหรับคดีเดิมจะเริ่มมีการพิจารณาในวันที่ 14 ม.ค.68 โดยได้มีการตรวจสำนวนและหลักฐานแล้ว ซึ่งเมื่อได้ตัวนายชนินทร์แล้ว โดยตามปกติอัยการมีความเห็นสมควรสั่งฟ้อง และอาจจะมีการรวมสำนวน ซึ่งประเด็นดังกล่าวทางพนักงงานสอบสวนจะต้องประสานงานกับ พนักงานอัยการต่อไป

สำหรับการสอบปากคำ ได้มีการสอบพยานจำนวน 108 คน และมีการระบุพยานบุคคลที่ชัดเจน ส่วนผู้ถูกกล่าวหาจะให้การอย่างไรเป็นสิทธิของผู้ถูกกล่าวหา เพราะในระบบศาลจะต้องสู้กันด้วยพยานหลักฐาน ซึ่งไม่ได้มีความกังวลในส่วนนั้น

ในส่วนของนายชนินทร์นั้นให้ความร่วมมือดี และไม่ได้แสดงออกถึงความเครียด แต่มีความกังวลในเรื่องของความปลอดภัย โดยพนักงงานสอบสวนจะทำหนังสือถึงอัยการในการขอคัดค้านการประกันตัว

Back to top button