โบรกเชียร์ซื้อ SCB มองบวกต่อกำไรปี 67 ขึ้นราว 2% หลังยุติแอป “Robinhood”

SCB แจ้งยุติแอป “Robinhood” โบรกฯคาดส่งผลบวกต่อกําไร โดยปรับประมาณการกําไรปี 67 ขึ้นราว 2% จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 45,703 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ 26 มิ.ย.67) จากที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ครั้งที่ 12/2567 เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. 67 คณะกรรมการบริษัทมีมติให้ยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ของ บริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด (PPV) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม SCBX ที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 100% โดยจะทำการยุติการให้บริการตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 67 เป็นต้นไป หลังจากแอปพลิเคชัน Robinhood ได้ดำเนินกิจการตามภารกิจในการช่วยเหลือสังคมจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิดสำเร็จลุล่วงด้วยดีตามเจตนารมณ์เรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ การยุติการให้บริการดังกล่าวเป็นไปตามกรอบการบริหารเงินกองทุนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างมูลค่าให้ผู้ถือหุ้นอย่างยั่งยืน โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดาเนินงานตามแผนกลยุทธ์ของกลุ่ม SCBX ในการมุ่งมั่นพัฒนาธุรกิจตามภารกิจเพื่อเป็นกลุ่มเทคโนโลยีทางการเงินชั้นนำ

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) มีมุมมอง Neutral ต่อข่าว SCB จะหยุดให้บริการ Robinhood ของบริษัท เพอร์เพิล เวนเจอร์ส จำกัด ตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 67 เป็นต้นไป เพราะปี 67 คาดว่ามีแรงกดดันจากการบันทึกค่าใช้จ่ายด้อยค่าสินทรัพย์ เช่น Software เป็นต้น ประมาณ 1.5-2  พันล้านบาท อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 68 จะมีผลบวกจากการที่ไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจากผลการดำเนินงานต่อปีที่ราว 2 พันล้านบาท

ทั้งนี้ การหยุดให้บริการ Robinhood โดยคาดว่าปี 67 ประกอบด้วย 1) มีการบันทึกขาดทุนจากการดำเนินงานทั้งหมด 7 เดือน ประมาณ 1.2-1.3 พันล้านบาท  2) ค่าใช้จ่ายด้อยค่าสินทรัพย์ เช่น Software เป็นต้น ประมาณ 1.5-2. พันล้านบาท รวมค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด 2.7-3.3 พันล้านบาท มากกว่าทางฝ่ายวิเคราะห์คาดขาดทุนที่ 2 พันล้านบาท จะกระทบต่อประมาณการของฝ่ายวิเคราะห์คาดที่ 4.50 หมื่นล้านบาท มี downside ประมาณ 2-3%

อย่างไรก็ตามตั้งแต่ปี 68 จะไม่มีการรับรู้ผลการขาดทุนจาก Robinhood ซึ่งปี 68 คาดขาดทุนที่ 1.80 พันล้านบาท และปี 69 คาดขาดทุนที่ 1.60 พันล้านบาท ตามลำดับ จะกระทบต่อประมาณการที่ 4.65 หมื่นล้านบาท และ 4.80 หมื่นล้านบาท มี upside เพิ่มขึ้น 3-4%

ดังนั้นคงคำแนะนำ “TRADING BUY” และคงราคาเป้าหมายที่ 115 บาท โดยมองการหยุดให้บริการ Robinhood จะไม่มีผลกระทบต่อการจ่ายปันผลของ SCB ดังนั้นยังคงคาด dividend yieldของ SCB อยู่ที่ประมาณ 8-10% ต่อปี ซึ่งสูงสุดในกลุ่ม

ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุว่า จากกรณี SCB เปิดเผยมติคณะกรรมการอนุมัติให้ยุติการให้บริการแอปพลิเคชัน Robinhood ภายใต้บจ.เพอร์เพิล เวนเจอร์ส ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม SCBX ที่บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 100% โดยจะยุติการให้บริการตั้งแต่วันที่ 31 ก.ค. 67 เป็นต้นไป หลังจากแอปพลิเคชัน Robinhood ได้ดำเนินการตามภารกิจในการช่วยเหลือสังคมจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโรค COVID-19 สำเร็จลุล่วงด้วยดีตามเจตนารมณ์

โดยเป้าหมายในการทำแอปพลิเคชัน Robinhood เริ่มแรกเป็นหนึ่งในนโยบายช่วยเหลือสังคม (CSR) โดยไม่หวังกําไร และลดภาระผู้บริโภค เนื่องจากในช่วงแรกทางแอปพลิเคชันไม่คิดค่าธรรมเนียม GP (ต่อมามีการคิดค่า GP แต่ยังเป็นอัตราที่ต่ำกว่าแอปพลิเคชันอื่นๆ มาก) ทำให้ผลการดําเนินงานขาดทุนมาโดยตลอดในปี 65 ขาดทุน 1,987 ล้านบาท ต่อมาปี 66 ขาดทุน 2,156 ล้านบาท จึงมองว่าการหยุดให้บริการแอปพลิเคชันดังกล่าวส่งผลบวกต่อกําไร จึงปรับประมาณการกําไรปี 67-68 ขึ้นราว 2% และ 3% จากประมาณการก่อนหน้ามาอยู่ที่ 45,703 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน และ 48,913 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ตามลำดับ

ทั้งนี้ปรับราคาเป้าหมายปี 2567 ขึ้นเล็กน้อยเป็น 122 บาท อิง PBV 0.82 เท่า ยังพอมี Upside แม้ว่าจะไม่โดดเด่นเท่ากับธนาคารขนาดใหญ่อื่นๆ อาทิ KTB และ BBL แต่คาดว่าประเด็นข่าวดังกล่าวจะส่งผลบวกในเชิง Sentiment จึงคงคำแนะนํา “ซื้อ” SCB ราคาเป้าหมาย 122.00 บาท

 

Back to top button