SM-LEO-EURO-MENA ผนึกกำลังลุยโรดโชว์ จ.ชลบุรี เปิดกลยุทธ์รุกขยายธุรกิจเติบโตแกร่ง
SM-LEO-EURO-MENA ผนึกกำลังลุยโรดโชว์ แท็กทีมเดินสายนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน จังหวัดชลบุรี พร้อมเปิดกลยุทธ์รุกขยายธุรกิจ ผลักดันอนาคตให้เติบโตแบบก้าวกระโดด ชูจุดเด่น 4 บริษัท เป็นหุ้นพื้นฐานดี อยู่ในเทรนด์ธุรกิจที่น่าสนใจ
นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ SM ผู้นำในการให้บริการสินเชื่อแห่งภาคตะวันออก ทั้งสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า สินเชื่อบ้านและที่ดิน รวมถึงนายหน้าประกันวินาศภัยทุกประเภท SM ร่วมกับ บริษัท ลีโอ โกลบอล โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LEO, บริษัท ยูโร ครีเอชั่นส์ จำกัด (มหาชน) หรือ EURO และ บริษัท มีนา ทรานสปอร์ต หรือ MENA แท็กทีมเดินสายนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน จังหวัดชลบุรี เป็นจังหวัดที่สอง ซึ่งได้รับความสนใจอย่างท่วมท้น สำหรับจุดเด่นของทั้ง 4 บริษัทนี้เป็นหุ้นที่อยู่ในเทรนด์ธุรกิจน่าสนใจ และมีปัจจัยพื้นฐานดี รวมทั้งมีแผนการดำเนินงานที่เป็นรูปธรรม ส่งผลให้เป็นที่ยอมรับ
นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ ผู้นำในการให้บริการสินเชื่อแห่งภาคตะวันออก ทั้งสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า สินเชื่อบ้านและที่ดิน รวมถึงนายหน้าประกันวินาศภัยทุกประเภท SM ยังกล่าวอีกว่า จุดแข็งและความแตกต่างที่ SM มี และผู้ประกอบการส่วนใหญ่ในกลุ่ม Non-Bank ไม่มี คือ ธุรกิจขายสินค้าและสินเชื่อเช่าซื้อ เครื่องใช้ไฟฟ้า โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ้ค ที่ดอกเบี้ยเช่าซื้อ ไม่ถูกกำหนดเพดาน ให้ Yield ที่สูง และ High Margin รวมถึงศักยภาพการเป็นราชาเงินผ่อนที่เชี่ยวชาญในพื้นที่ เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีการเติบโตสูง
“มั่นใจรายได้จากการขายสินค้าและรายได้รวมปี 67 เติบโตในระดับไม่ต่ำกว่า 15-20% รวมถึงพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อเติบโตไม่ต่ำกว่า 50% และเติบโตต่อเนื่องทุกปี โดยเฉพาะมือถือ Smart Phone ที่จะเป็นสินค้า Flagship และตัวชูโรง Highlight ของปีนี้ พร้อมคุม NPL ไม่เกิน 4% จากกลยุทธ์การใช้เทคโนโลยี่ Lock Phone ที่ช่วยให้ Cash collection ดีขึ้นต่อเนื่อง และ NPL ลดลงชัดเจน พร้อมลุยตลาดสินเชื่อให้ครบวงจร และครอบคลุมการขายทุกช่องทางทั้งออฟไลน์และออนไลน์ เชื่อมั่นว่าจะผลักดันให้ผลประกอบการโดยรวมทั้งของปีนี้ และปีต่อๆไป เติบโตแบบก้าวกระโดด” นายชูศักดิ์ กล่าวในที่สุด
ขณะที่ นายเกตติวิทย์ สิทธิสุนทรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LEO ผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ชั้นนำของประเทศไทยและทั่วโลกแบบครบวงจร เชื่อมั่นว่าในปี 2567 ด้วยแผนธุรกิจ F.A.S.T.24 จะสามารถสร้างการเติบโตของกำไรขั้นต้นและผลประกอบการให้เติบโตเพิ่มขึ้น โดยในช่วงไตรมาส 2-4/2567 จะเริ่มรับรู้รายได้จาก New Business Units รวมถึงจะพัฒนาและต่อยอดการให้บริการขนส่งสินค้าแบบครบวงจรทั้งในประเทศและระหว่างประเทศ สามารถส่งมอบบริการโลจิสติกส์ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ลูกค้า ด้วยบริการที่รวดเร็ว ฉับไว และใส่ใจในทุกความต้องการ ควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจโลจิสติกส์อย่างยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิด Smart & Sustainable ยกระดับบริการที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้าของ LEO Global Logistics อย่างแท้จริง
“LEO มั่นใจผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2567 มีแนวโน้มดีต่อเนื่อง ทั้งจากค่าระวางเรือช่วงครึ่งปีหลังมีทิศทางปรับตัวเพิ่มขึ้น รายได้จาก 10 ธุรกิจใหม่ Non-Freight และ Non-Logistics ที่เริ่มไปแล้วและอยู่ระหว่างเตรียมเปิดดำเนินการ ขณะที่ธุรกิจ Green Logistics จะเริ่มเห็นความชัดเจนมากขึ้น ภายในไตรมาส 3-4/67 พร้อมเดินหน้าโครงการ JV และ M&A ใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในปี 2567 อีก 2-3 โครงการ เพื่อสร้างการเติบโตรายได้ให้แข็งแกร่ง” นายเกตติวิทย์ กล่าว
ด้าน นายเควิน กัมบีร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EURO ผู้ประกอบการชั้นนำในธุรกิจ “Luxurious & High Quality Living” กล่าวถึงลักษณะธุรกิจของบริษัทฯ นำเข้าและจำหน่ายสินค้าที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว (Unique) โดยให้ความสำคัญกับการออกแบบที่ทันสมัย ประวัติศาสตร์ของแบรนด์ การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพสูง และการผลิตด้วยช่างฝีมือที่มีความเชี่ยวชาญอย่างละเอียดอ่อน บริษัทฯ ยังนำเสนอแบรนด์จากดีไซเนอร์ชั้นนำของยุโรปเพื่อทำให้ทุกพื้นที่ในบ้านเป็นที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์และไลฟ์สไตล์ พร้อมครอบคลุมทุกความต้องการทั้งหมดภายในที่อยู่อาศัย อาทิ Technogym, Molteni&C, Natuzzi Italia, Giorgetti เป็นต้น
“สำหรับแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทฯ เตรียมเปิดโชว์รูม Euro Creations Gallery ที่ทองหล่อซอย 5 นอกจากนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเตรียมเพิ่มแบรนด์ใหม่ พร้อมทั้งเพิ่มสินค้าใหม่จากแบรนด์เดิม ซึ่งศักยภาพตลาด Luxury-Ultra Luxury ยังเติบโตต่อเนื่องตามไลฟ์สไตล์ จึงเชื่อมั่นว่าจะเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้ในปี 67 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และมีผลงานออลไทม์ไฮ” นายเควิน กล่าว
ด้าน นางสาวพัชรีรัตน์ ขจรวุฒิเดชภัทร์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร MENA ผู้นำธุรกิจให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ (Mixer) และรถเทรลเลอร์ (Trailer) รายใหญ่ของประเทศ ระบุว่า บริษัทฯ มีแผนรุกขยายงานขนส่งให้ครอบคลุมในหลากหลายอุตสาหกรรม โดยผ่านการขยายงานขนส่งอีคอมเมิร์ซ (E-commerce) และการเปิดรับพันธมิตรใหม่ๆ เพื่อขยายตลาดและเพิ่มศักยภาพธุรกิจหลักให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น
ขณะที่ภาครัฐเดินหน้าพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งเพื่อยกระดับการขนส่งและโลจิสติกส์ จะส่งผลดีต่อธุรกิจหลักของ MENA คือการให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถมิกเซอร์ รวมถึงการลงทุนของภาคเอกชนที่เพิ่มขึ้นเพื่อขานรับกับการท่องเที่ยวจากนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาล เป็นปัจจัยบวกต่อธุรกิจของ MENA และ TDM เพราะนอกจากจะทำให้ธุรกิจการก่อสร้างขยายตัวแล้ว ยังจะทำให้การขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น
“จะเห็นได้ว่าในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บริษัทฯ มีส่วนแบ่งการตลาดของธุรกิจการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จเพิ่มขึ้นเป็น 11.6% จากเดิมอยู่ที่ 11.4% แสดงถึงธุรกิจหลักของบริษัท คือ การให้บริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถ Mixer ที่เติบโตมากกว่าอุตสาหกรรมการก่อสร้าง ส่วนแนวโน้มอุตสาหกรรมธุรกิจโลจิสติกส์ในครึ่งหลังปี 67 ยังมีตัวแปรสำคัญที่ต้องจับตา คือ การลงทุนของภาครัฐ การลงทุนของภาคเอกชน ทุนต่างประเทศ และฤดูฝนที่จะส่งผลกระทบต่อภาคการก่อสร้างโดยรวม
โดยในส่วนของภาครัฐในช่วงครึ่งปีหลังมีปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณและการใช้จ่ายซึ่งล่าช้ามาจากปี 66 หากการเบิกจ่ายงบประมาณสามารถเกิดขึ้นได้ภายในปีนี้ จะเป็นปัจจัยบวกกับ MENA แต่หากมีความล่าช้าอาจส่งผลต่อปริมาณงานในระยะสั้น แต่ก็เป็นเพียงการเลื่อนออกไปเท่านั้นแต่การก่อสร้างยังคงอยู่ และในส่วนของ Organic growth ตั้งเป้า 3-5 ปี มี Market share รถ Mixer ถึง 20% ดันรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 400 ล้านบาท” นางสาวพัชรีรัตน์ กล่าวในที่สุด