“กรภัทร” มอง SET ผันผวน! เน้นหุ้นส่งออกอาหาร-ปัจจัยบวกเฉพาะตัว ชู CPF-GFPT-BCH เด่น
“กรภัทร” มอง SET ผันผวน! เน้นลงทุนหุ้นส่งออกอาหาร-ปัจจัยบวกเฉพาะตัว ชู CPF-GFPT-BCH เด่น พ่วงกลุ่มหุ้นที่ถูก short sell หนักคาดเป้าถูก "Cover Short" กลับ ก่อนมาตรการร Uptick Rule จะมีผล 1 ก.ค.นี้
นายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS กล่าวในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (27 มิ.ย.67) ว่า ทิศทางตลาดหุ้นไทยวันนี้สวิง เนื่องจากภาพมาตรการที่ออกมาแก้ Long Term Fund เห็นชัดว่าในระยะกลาง-ยาว เม็ดเงินน่าจะเข้ามาในระบบเยอะและทำให้ตัวกองทุนในประเทศ และนักลงทุนที่เป็นระยะกลาง-ยาว สามารถลงทุนได้ดีขึ้นและมีความแข็งแรงและรองรับภาวะในช่วงเศรษฐกิจแย่และโตต่ำกว่าศักยภาพ แต่ปัจจัยดังกล่าวจะค่อยๆเข้ามา
ขณะที่ภาพระยะสั้นนักลงทุนต่างชาติยังคงสถานะ Short ได้ตามปกติ เพราะมาตรการยกระดับความเข้มข้นที่จะควบคุมความผันผวนในช่วงขาลงจะเริ่มในวันที่ 1 ก.ค.นี้ ก็จะทำให้ตลาดอยู่ในช่วงของการปรับ Position และเริ่มเห็นในทางที่ดี โดยเห็นได้จากหุ้น Big cap มีการฟื้นตัวกลับมาหลายๆตัว ขณะที่นักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมาก็เริ่มลดสถานะการถือครองชอตเซลล์คงค้างในหลายๆตัว แม่ภาพรวมจะไม่ได้เร่งตัวมาก
โดยน่าจะเห็นมากขึ้นวันนี้เนื่องจากวันนี้จากการ Rollover TFEX ซึ่งอย่างที่ทราบกันนักลงทุนต่างชาติมีสถานะ Short จำนวนมาก โดยเห็นได้จากตั้งแต่ต้นเดือนพ.ค.ถึงปัจจุบันจะเห็นว่า NET Short อยู่ที่ประมาณ 9 หมื่นสัญญา แต่ถ้านับตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันมีสถานะ Short อยู่ที่ 60,537 สัญญา ดังนั้นสิ่งที่จะเห็นวันนี้คือนักลงทุนต่างชาติจะพยายามปิด Position ให้ได้ตัว return ของ TFEX มากที่สุด เชื่อว่าจะเห็นธุรกรรมฝั่ง Short ชะลอตัวลงบ้าง และ short sell น่าจะน้อยลง แม้ในฝั่งตลาดหุ้นแรงซื้อยังไม่มากเท่าไหร่แต่เริ่มเทขายน้อยลง
ทั้งนี้เมื่อภาพการปรับ Position ดังกล่าวตลาดก็น่าจะเด่นชัดขึ้นเพราะมาตรการ Uptick Rule จะมีผล 1 ก.ค.นี้ ดังนั้นการทำ short sell กดราคาลงแรงๆก็จะทำได้ยากขึ้น ดังนั้นภาพรวมวันนี้ก็น่าจะสวิง ซึ่งถ้าดูตามมาตรการครั้งหน้าภาพของตัวตลาดอาจจะเหวี่ยง ระวังวัน และมีโอกาส Cover ในช่วงปลายอาจจะเด้ง และหลังจากนั้นก็จะเป็นภาพของการฟื้นตัวขึ้น หลังจากภาพหลัก Long Term Fund ได้รับการแก้ไขแต่อาจมีรายละเอียดเพิ่มเติม เนื่องจากเฟสโก้จะเข้าไปคุยกับกระทรวงการคลังในวันพรุ่งนี้
อย่างไรก็ตามตลาดมีภาพประเด็นของรัฐบาลในวันที่ 10 ก.ค. ว่าภาพรัฐบาลจะมีเสถียรภาพหรือไม่ ถ้ามีตลาดก็น่าจะฟื้นอย่างมีนัย ดังนั้นภาพตลาดก่อนวันดังกล่าวก็น่าจะแกว่งตัวจำกัดระดับ 1350 บวก/ลบ เพื่อรอความชัดเจนในเรื่องการเมือง ส่วนประเด็นภายหลังการเลือกสว.ล่าสุด มองว่าโครงสร้างมีการกระจายตัวในระดับหนึ่งและมีพัฒนาการบวกขึ้นมาบ้าง แน่นอนว่าส.ว.จะเข้ามาพิจารณาตัวบทกฎหมายต่าง และเป็นตัวคลายอำนาจของรัฐบาลเพื่อไม่เกิดอำนาจเบ็ดเสร็จเกินไป
ส่วนการออกกฎหมายอื่นจะมีปัญหาไหมอาจต้องแยกเป็นประเด็นไป และมองว่าส.ว.คงไม่ได้ค้านไปทุกเรื่องหากรัฐบาลเสนอมา เพราะจะต้องมีภาพการหารือตามกระบวนการของรัฐสภา
ดังนั้นในภาพบรรยากาศดังกล่าวการลงทุนเป็นลักษณะซื้อเพื่อการลงทุนได้ โดยเน้นไปธีม ส่งออก,ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์อาหาร, Domestic play,โรงไฟฟ้า รวมทั้งกลุ่มหุ้นที่ถูก short sell เยอะคาดจะถูก Cover กลับ รวมทั้งกลุ่มที่มีประเด็น อาทิ ส่งออกอาหารเด่น เนื่องจากออเดอร์ส่งออกอาหารเด่นทุกเดือน แนะเก็งกำไร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือ CPF แนวต้าน 25.25 บาท แนวรับอยู่ที่ 22 70 บาท และ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT แนวต้าน 14.10 บาท แนวรับอยู่ที่ 12.60 บาท
ส่วนอีกกลุ่มคือโรงพยาบาลมีประเด็นข่าวบวก กรณีโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะยุติการร่วมโครงการประกันสังคม โดยจะมีผลตั้งแต่กลางปี 68 เป้นต้นไป ดังนั้นจึงมองว่าพื้นที่ใกล้เคียงโรงพยาบาลที่จะได้ประโยชน์พบว่าบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS และ บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) BCH อยู่ในโซนดังกล่าว ขณะเดียวกันมองว่าโรงพยาบาลเกษมราษฎร์มีสัดส่วนประกันสังคมราว 43% ส่วน BDMS สัดส่วนเพียง 2% ดังนั้นเมื่อมองปัจจัยดังกล่าวบวกกับพื้นที่ใกล้เคียงมากสุดคาดว่า BCH คาดจะได้ประโยชน์มากสุดบวกกับเป็นหุ้นมีการ short sell มากตรงนี้น่าจะเป็นจุดเข้าลงทุนแนะนำราคาเป้าหมาย 22.80 บาท