ดาวโจนส์ปิดร่วง 249 จุด! ตลาดวิตกน้ำมันดิ่งหนัก-ศก.โลกซบเซา
ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลง 1.56% เมื่อคืนนี้ (20 ม.ค.) ท่ามกลางภาวะการซื้อขายที่เป็นไปอย่างผันผวนและตื่นตระหนก เช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันที่ร่วงลงอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งความวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก
สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิด (20 ม.ค.) ที่ 15,766.74 จุด ร่วงลง 249.28 จุด หรือ -1.56%, ดัชนี NASDAQ ปิดที่ 4,471.69 จุด ลดลง 5.26 จุด หรือ -0.12% และดัชนี S&P500 ปิดที่ 1,859.33 จุด ลดลง 22.00 จุด หรือ -1.17%
ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงตั้งแต่ตลาดเปิดทำการ โดยในระหว่างวันนั้น ดาวโจนส์ดิ่งลงไปเกือบ 500 จุด หรือกว่า 3% ก่อนที่จะลดแรงลบในเวลาต่อมา เนื่องจากความกังวลที่ว่า การร่วงลงอย่างต่อเนื่องอาจจะส่งผลกระทบต่อบริษัทพลังงานและประเทศที่ต้องพึ่งพาการส่งออกน้ำมัน
นอกจากนี้ ตลาดยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจทั่วโลก เมื่อพิจารณาจากข้อมูลเศรษฐกิจของ 2 ชาติมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างจีนและสหรัฐ โดยเมื่อวานนี้กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยว่า ตัวเลข FDI ของจีนในเดือนธ.ค.ลดลง 5.8% เมื่อเทียบรายปี แตะระดับ 7.702 หมื่นล้านหยวน (1.223 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ)
ส่วนข้อมูลในฝั่งสหรัฐนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการเริ่มต้นสร้างบ้านลดลง 2.5% ในเดือนธ.ค. สู่ระดับ 1.149 ล้านยูนิต ซึ่งย่ำแย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.2 ล้านยูนิต บ่งชี้ว่าตลาดที่อยู่อาศัยของสหรัฐชะลอตัวลง ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวลง 0.1% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายเดือน โดยถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ร่วงลง และการแข็งค่าของดอลลาร์
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบ โดยหุ้นเชฟรอน คอร์ป ร่วงลง 3% หุ้นเอ็กซอน โมบิล ดิ่งลง 4.2% หุ้นอานาดาร์โค ปิโตรเลียม ร่วงลง 1% หุ้นเดวอง เอนเนอร์จี ดิ่งลง 8% และหุ้นซีดริล ทรุดตัวลง 12.2%, หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ดิ่งลง 5.4% หลังจากทางบริษัทเปิดเผยว่ากำไรในไตรมาส 4 ลดลงมากถึง 50% จากการปรับตัวลงของราคาน้ำมัน ทั้งนี้ ทางบริษัทมีกำไร 1.6-1.9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาส 4 เทียบกับ 3.3 พันล้านดอลลาร์สำหรับช่วงเดียวกันในปี 2014
หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 1.9% หลังจากบริษัทเปิดเผยกำไรทรุดฮวบในไตรมาส 4 อันเนื่องจากค่าใช้จ่ายด้านกฎหมาย โดยบริษัทมีกำไร 765 ล้านดอลลาร์ ในไตรมาส 4 หรือ 1.27 ดอลลาร์/หุ้น จากระดับ 2.17 พันล้านดอลลาร์ หรือ 4.38 ดอลลาร์/หุ้นในช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้านี้, หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวผันผวน โดยหุ้น IBM ร่วงลง 4.9% ขณะที่หุ้นซิสโก ซิสเต็ม ดิ่งลง 3.2% หุ้นยาฮู อิงค์ ร่วงลง 3.3% ขณะที่หุ้นทวิตเตอร์ทะยานขึ้น 14%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันนี้สหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกรายสัปดาห์ของสหรัฐ และผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจของสหรัฐเดือนม.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย ส่วนในวันศุกร์จะมีการเปิดเผยดัชนีกิจกรรมการผลิตทั่วประเทศเดือนธ.ค.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเบื้องต้นเดือนม.ค., ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนธ.ค.จาก Conference Board