CBG เด้ง 3% ลุ้นกำไร Q2 เฉียด 700 ล้านบาท รับยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังพุ่ง
CBG เด้ง 3% โบรกเชียร์ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 85 บาท คาดกำไรปีนี้เติบโต 40% แตะ 2.8 พันล้านบาท ด้านบล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่าไตรมาส2/67 กำไร 696 ล้านบาท รับยอดขายเครื่องดื่มชูกำลังพุ่ง
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ ( 2 ก.ค.67) ราคาหุ้น บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ณ ปิดตลาดภาคเช้าอยู่ที่ระดับ 69.25 บาท บวก 2.75 บาท หรือ 3% สูงสุดที่ระดับ 69.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 67.00 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 221.12 ล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าวานนี้ได้จัดการเยี่ยมชม (site visit) โรงงานของ CBG ทั้ง 4 โรงงานแห่ง คือ CBD (โรงบรรจุ เครื่องดื่ม), ACM (โรงงานผลิตกระป้อง), APG (โรงงานผลิตขวดแก้ว) และ APM (โรงงาน packaging) โดยฝ่ายนักวิเคราะห์มีมุมมองเป็นบวกพร้อมประเด็นสำคัญ ได้แก่
1.ไลน์การผลิตที่ทันสมัยและมีประสิทธิภาพและจำนวนพนักงานที่ไม่มากเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น อีกทั้งการปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นจะส่งผลกระทบจำกัด เนื่องจากพนักงานได้รับค่าแรงที่สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำอยู่แล้ว
2.ธุรกิจเบียร์ยังเติบโตแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยจะเริ่มเน้นทำการจําหน่ายสินค้าผ่านธุรกิจบริการ (on trade) ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่า 50% ของตลาดรวม ทั้งนี้จะผ่านการการขายตามร้านอาหาร สถานบันเทิงมากขึ้น พร้อมเน้นทำตลาดใน 50 จังหวัด คาดการณ์จะเห็นการเติบโตที่ดีขึ้น
3.ต้นทุนอะลูมิเนียม (Aluminum) ในช่วงไตรมาส 2/67 ยังทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ขณะที่ไตรมาส 3/67 จะเริ่มรับรู้ต้นทุน Aluminum ที่สูงขึ้น โดยมีการคาดการณ์ประมาณอาจอยู่ที่ 2,300-2 400 ดอลลาร์ต่อตัน เทียบกับไตรมาส 2/67 ที่คาดการณ์ว่าอยู่ที่ 2,200-2,250 ดอลลาร์ต่อตัน ในช่วงปลายไตรมาส 3
อย่างไรก็ตามมองว่าปริมาณ volume การผลิตที่สูงขึ้นจะช่วยให้สามารถจัดการอัตรากำไรขั้นต้น (maintain GPM) ได้,
4.คาดการณ์รายได้ในประเทศ Cambodia จะปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3/67 ซึ่งปัจจุบันคิดเป็น 18% ของรายได้รวมจากโดยผ่านกำลังซื้อที่ฟื้นตัวและมีทำแคมเปญการตลาดมากขึ้น
5.โรงงานที่พม่าจะเริ่มนำเครื่องจักรเข้าในเดือน ต.ค. โดยคาดการณ์ว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ในช่วงไตรมาส 1/68 โดยสัดส่วนรายได้จากพม่าปัจจุบันอยู่ที่ 8% ของรายได้รวม ทั้งนี้ คาดการณ์ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังเปิดโรงงานเนื่องจากช่วยลดปัญหา import license ที่ใช้เวลานาน
ขณะที่ได้คงประมาณการกำไรสุทธิปี 67 อยู่ที่ 2,817 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 46% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/67 เติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า จากรายได้เครื่องดื่มชูกำลังทั้งในและต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น, พร้อมทั้งอัตรากำไรขั้นต้น GPM ของสินค้าที่มีขายเฉพาะในห้าง (branded own) ขยายตัวต่อเนื่อง
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุถึง CBG ว่าคาดกำไรสุทธิไตรมาส 2/67 อยู่ที่ 696 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% จากไตรมาสก่อนหน้า แลพเพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 8 ไตรมาส โดยได้แรงสนับสนุนจากรายได้ที่คาดการณ์ฟื้นตัวโดยเฉพาะรายได้ในประเทศที่แข็งแกร่ง อย่างเครื่องดื่มชูกำลังมีที่ส่วนแบ่งทางการตลาด (Market Share) เพิ่มขึ้นเป็น 24% จากไตรมาส 2 จนถึงปัจจุบัน ชดเชยตลาดต่างประเทศที่ทรงตัวและขณะที่ธุรกิจเบียร์ที่ยังเติบโตไม่ได้ตามคาด
ส่วนแนวโน้มกำไรครึ่งหลังปี 67 จะเติบโตได้บางๆ แม้ต้นทุนอลูมิเนียมจะขยับขึ้นตามราคาตลาด แต่คาดหวังรายได้จะยังเร่งตัวขึ้นได้จากการส่งเสริมการขาย (Sales Promotion) และยอดคำสั่งซื้อสุราข้าวหอมที่แข็งแกร่ง ทั้งนี้ คาดการณ์กำไรปี 67 อยู่ที่ 2.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 81 บาท