จับตา! ศาลรธน.ไต่สวนปมยุบพรรคก้าวไกล บ่ายนี้รู้คำตอบ

ประธานศาล รธน. ย้ำ ศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่คู่ขัดแย้งพรรคการเมือง ลุ้นไต่สวนยุบพรรคก้าวไกล มีความคืบหน้าบ่ายนี้!


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3ก.ค.67)  ที่ ศาลรัฐธรรมนูญ คณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญได้เริ่มประชุมโดยมีวาระการพิจารณาคดีที่สำคัญ 3 คดี คือ คดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยเพื่อมีคำสั่งยุบพรรคก้าวไกล   และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของบุคคลผู้เป็นคณะกรรมการบริหารพรรคและห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค   และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือ เป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งตาม พ.ร.ป ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 92 วรรคสอง และมาตรา 94 วรรคสอง เนื่องจากมีพฤติการณ์กระทำการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและเข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

ทั้งนี้ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 โดยคดีนี้เป็นการพิจารณาหลังจากเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน ที่ผ่านมา ศาลได้มีคำสั่งให้นำพยานเอกสารในสำนวนการไต่สวนคดีคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 มารวมไว้ในสำนวนคดีนี้และได้แจ้งให้หัวหน้าพรรคก้าวไกลและเลขาธิการ  กกต.เสนอบันทึกถ้อยคำยืนยันข้อเท็จจริงหรือความเห็นล่วงหน้าตามประเด็นที่ศาลฯกำหนดกลับมายังศาลฯภายใน 7 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือเพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยคดี รวมถึงกำหนดให้คู่กรณีเข้าตรวจพยานหลักฐานในวันอังคารที่ 9 กรกฎาคม 67 ดังนั้นการพิจารณาในวันนี้ จึงต้องลุ้นว่าศาลจะมีคำสั่งเกี่ยวกับกระบวนวิธีพิจารณาคดีนี้อย่างไรต่อไป ข้อเท็จจริงที่ได้เพียงพอที่จะพิจารณาวินิจฉัยแล้วหรือยัง และจะมีการเปิดไต่สวนตามที่พรรคก้าวไกลร้องขอหรือไม่

นอกจากนี้ ศาลรัฐธรรมนูญยังจะพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับคำร้องไว้พิจารณาวินิจฉัยในคำร้องที่ นายไพบูลย์ นิติตะวัน ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 213   ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่าบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา    ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์ในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน หรือ MOU 2544 ซึ่งจัดทำขึ้นโดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาเป็นบทบัญญัติที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ และการที่กรมสนธิสัญญาและกฎหมายกระทรวงการต่างประเทศนำ MOU 2544 มาใช้เป็นเครื่องมือดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยและแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติทางทะเลของไทยให้แก่กัมพูชาเป็นการกระทำที่ละเมิดสิทธิ์ของตนตามรัฐธรรมนูญมาตรา 3 หมวด 3สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทยมาตรา 25 และมาตรา 43 (2) หรือไม่

ส่วนในคดีประธานวุฒิสภาส่งความเห็นของสมาชิกวุฒิสภา 40 คนขอให้วินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรค 3 ประกอบมาตรา 82 ว่าความเป็นรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสิน สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง  (4)  ประกอบมาตรา 160(4)  และ(5)   หรือไม่จากเหตุนำความกราบบังคมทูลเพื่อโปรดเกล้าแต่งตั้งนายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทั้งที่รู้ว่านายพิชิต ขาดคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญนั้น เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น ศาลได้มีคำสั่งให้หน่วยงานหรือบุคคลที่เกี่ยวข้องจัดทำความเห็นและส่งสำเนาเอกสารหลักฐานตามประเด็นที่ศาลกำหนดยื่นต่อศาลภายใน 15 วัน นับแต่วันได้รับหนังสือ เพื่อประกอบการพิจารณาวินิจฉัยและได้กำหนดที่จะพิจารณาคดีนี้ต่อในวันที่ 10 กรกฎาคม ที่จะถึงนี้

ด้าน นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์ ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เปิดเผยถึงวาระการประชุมในวันนี้ว่า จะมีการอภิปรายคดียุบพรรคก้าวไกล รวมถึงคดีของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี พ้นจากตำแหน่งหรือไม่ กรณีแต่งตั้ง นายพิชิต ชื่นบาน เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคดีของนายไพบูลย์ นิติตะวัน กรณี MOU 2544 ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมถึงคดีพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2534 ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งคดีนี้จะนัดลงมติชี้ขาด ตนขอยืนยันว่า คดีที่กล่าวมาทั้งหมดจะเสร็จสิ้นก่อนเดือนกันยายนนี้ อย่างแน่นอน

การพิจารณาคดี การตัดสินใจของศาลเป็นการตัดสินใจโดยองค์คณะ ไม่ใช่การตัดสินใจโดยคนคนเดียว ในองค์คณะก็มีความเห็นเป็นอิสระ เราก็ให้ความเคารพ และชี้แจงความชัดเจนในใบแถลงข่าว ซึ่งต่อไปเสียงข้างน้อยข้างมากก็จะใส่ชื่อให้หมด ศาลไม่ใช่คู่ขัดแย้งและไม่ใช่คู่ต่อสู้ ดังนั้นศาลจะไม่ตอบโต้กระแสใดๆ ” นายนครินทร์ กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button