KKPS มองนโยบาย “เงินดิจิทัล” ยังเสี่ยงล่าช้า กระตุ้นเศรษฐกิจปีนี้เล็กน้อย

“บล.เกียรตินาคินภัทร” มองโครงการ “ดิจิทัลวอลเล็ต” วงเงิน 4.5 แสนล้านบาท เสี่ยงล่าช้า ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยปีนี้เพียงเล็กน้อย คาดอาจเห็นผลบวกต่อเศรษฐกิจที่ชัดเจนในปี 68


บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKPS ระบุในบทวิเคราะห์ วันนี้ (11 ก.ค.67) ถึงกรณีที่คณะอนุกรรมการกำกับ โครงการดิจิทัลวอเล็ต ประกาศลดวงเงินโครงการลง 5 หมื่นล้านบาท เหลือเพียง 4.5 แสนล้านบาท เพื่อให้ไม่เป็นการตั้งงบประมาณที่มากเกินความจำเป็นจึงเสนอให้เตรียมวงเงินไว้ 90% ของวงเงิน 5 แสนล้านบาท และจากความซับซ้อนทางด้านกฎหมายจึงทำให้ตัดสินใจไม่ใช้เงินจาก ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)

อย่างไรก็ตามเงินที่จะนำมาใช้ในโครงการจะมาจากหลายส่วน ได้แก่ 1.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม จำนวน 1.22 แสนล้านบาท 2.กองทุนฉุกเฉินหรือหั่นงบ จำนวน 4.3 หมื่นล้านบาท, 3.งบประมาณปี 2567-2568 จำนวน 1.52 แสนล้านบาท และ 4.การบริหารงบประมาณปี 2567-2568 จำนวน 1.32 แสนล้านบาท โดยทั้งหมดนี้มีเพียง 2.74 แสนล้านบาท ที่มาจากงบประมาณของปี 2567-2568 ในขณะที่ส่วนอื่นๆ จะมาจากการหั่นงบจากกระทรวงต่างๆ

ทั้งนี้ ยังมีขั้นตอนที่จะต้องนำเสนอคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่ที่มี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 15 ก.ค.นี้ โดยจะมีการแถลงข่าวอย่างเป็นทางการในวันที่ 24 ก.ค.67 ซึ่งคาดการณ์จะมีข้อมูลอย่างละเอียดของนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตและคาดการณ์จะส่งให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติในวันที่ 30 ก.ค.67

อย่างไรก็ดี ยังมีส่วนที่ยังไม่ชัดเจนว่าเงินจำนวน 1.32 แสนล้านบาท จากการบริหารงบฯปี 2567-2568 จะสามารถนำมาใช้ได้หรือไม่ เนื่องจากงบประมาณประจำปีอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาเรียบร้อยแล้ว ขณะที่ยังมีช่องว่างให้สามารถนำงบฉุกเฉินของปี 2567-2568 มาใช้ได้อีก

นอกจากนี้ โครงการดิจิทัลวอลเล็ตยังมีความเสี่ยงต่อการล่าช้าในการนำมาใช้งาน โดยทางรัฐบาลเล็งที่จะใช้งานผ่านแอพลิเคชั่นใหม่แทนที่จะใช้งานแอพลิเคชั่นเดิม ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์มองว่าจะเป็นเรื่องที่ท้าทายอย่างมากที่จะนำข้อมูลของประชาชนจำนวน 50 ล้านคนเข้าระบบและเริ่มใช้งานใหม่ภายในปีนี้

อีกทั้งวงเงิน 2.7 แสนล้านบาท ซึ่งมาจากงบประมาณนั้นคิดเป็น 1.4% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) โดยหากตั้งสมมุติฐานว่า “ตัวคูณทวีทางการคลัง” (fiscal multiplier) อยู่ที่ 0.3 เท่า จะได้ผลลัพธ์ของดิจิทัลวอลเล็ตต่อ GDP อยู่ราว 0.4% ซึ่งฝ่ายวิเคราะห์มองว่าจะเป็นเพียงแรงผลักดันให้กับเศรษฐกิจไทยเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และคาดการณ์ว่าจะเห็นผลบวกต่อเศรษฐกิจส่วนใหญ่อยู่ในปี 2568

Back to top button