พาราสาวะถี

กกต.มีมติรับรองผลการเลือก สว.เป็นที่เรียบร้อย โดยจาก 7 เสือ มี กกต.2 รายที่เป็นเสียงข้างน้อยเห็นว่ายังไม่ควรประกาศรับรองผล


กกต.มีมติรับรองผลการเลือก สว.เป็นที่เรียบร้อย โดยจาก 7 เสือ มี กกต.2 รายที่เป็นเสียงข้างน้อยเห็นว่ายังไม่ควรประกาศรับรองผล ซึ่งเป็นความเห็นต่างในข้อกฎหมายบางประเด็น เป็นอันว่าพลังวิเศษที่บอกไว้ก่อนหน้า สามารถทำให้ สว.สายสีน้ำเงินได้ผ่านเข้าไปทำหน้าที่ งานนี้มี 1 รายได้รับใบส้มคือ คอดียะฮ์ ทรงงาม ผู้ได้รับเลือกมาจากจังหวัดอ่างทอง ที่ในระดับประเทศได้คะแนนมาอันดับที่ 4 ในกลุ่ม 18 กลุ่มสื่อสารมวลชน โดยหลังได้รับเลือกเป็นที่ฮือฮาและถูกเรียกว่า “ส.ว.เสียงตามสาย”

เหตุผลที่ทำให้ว่าที่ สว.รายนี้ต้องถูกเขี่ยพ้นเส้นทาง มาจากการเป็นที่ปรึกษานายก อบจ.อ่างทอง เพราะศาลฎีกาวางแนวเอาไว้ว่า การเป็นที่ปรึกษานายก อบจ. ถือเป็นผู้บริหารท้องถิ่น จึงถูกระงับสิทธิชั่วคราว ทำให้มีการเลื่อนว่าที่ พ.ต.กรพด รุ่งหิรัญวัฒน์ ผู้ได้รับเลือกเป็น สว.ลำดับที่ 11 จากกลุ่มที่ 18 ซึ่งอยู่ในบัญชีสำรองเลื่อนขึ้นมาอยู่ในบัญชีตัวจริงลำดับ 10 แทน กรณีนี้คอดียะฮ์ก็ต้องไปดำเนินการเรียกร้องความเป็นธรรมตามกระบวนการต่อไป

หลังจากนี้ผู้ที่ผ่านการรับรองก็ต้องไปรายงานตัวกับสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา เพื่อรับบัตรประจำตัวของการเป็น สว.รวมถึงเอกสารและคู่มือการปฏิบัติหน้าที่ สว.จากนั้นก็จะมีการออกหนังสือนัดประชุมวุฒิสภานัดแรก เพื่อให้สมาชิกกล่าวคำปฏิญาณตนก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ ก่อนจะเข้าสู่วาระการเลือกประธาน และรองประธานวุฒิสภาต่อไป ในชั้นนี้รายชื่อแคนดิเดตชิงเก้าอี้ประมุขสภาสูงยังคงเป็นสองรายคือ พลเอก เกรียงไกร ศรีรักษ์ กับ มงคล สุระสัจจะ ที่ถูกมองว่าเป็น สว.สายสีน้ำเงินทั้งคู่

อย่างไรก็ตาม การประกาศรับรองผลครั้งนี้ ยังมีประเด็นที่ต้องจับตาว่าจะมีปัญหาตามมาหรือไม่ เนื่องจากการที่มีการให้ใบส้มว่าที่ สว.ไปหนึ่งราย ทำให้ต้องขยับบัญชีสำรองมา 1 ราย ส่งผลให้ที่มีการรับรองเป็น สว.200 ราย และบัญชีสำรองเหลือ 99 ราย ถูกตั้งคำถามว่าจะขัดกับกฎหมายที่ให้ กกต.ต้องประกาศบัญชี สว.200 คน และบัญชีสำรอง 100 คน เรื่องนี้ แสวง บุญมี เลขาธิการ กกต. ยืนยันว่า “ก็ทำไปแล้ว” ซึ่งตามพระราชบัญญัติการได้มาซึ่ง สว. มาตรา 42 ไม่ได้เขียนกรณีดังกล่าวไว้

แต่ กกต.มาออกระเบียบ กกต.ว่าด้วยการเลือก สว.ฉบับที่ 3 ข้อ 154/1 ให้ กกต.สามารถเลื่อนบัญชีสำรองขึ้นมาแทนได้ ซึ่งก็มีคำถามตามมาอีกว่า ก่อนหน้านี้ศาลปกครองเคยเพิกถอนบางข้อของระเบียบดังกล่าว กังวลหรือไม่ว่าจะถูกเพิกถอนอีก เลขาธิการ กกต.ก็บอกว่า “ตอบไม่ได้” แต่เมื่อข้อเท็จจริงออกมาเช่นนี้ก็ต้องดำเนินการ และทำไปแล้ว หากไม่เลื่อนจะเป็นปัญหามากกว่านี้ เพราะจะเปิดสภาไม่ได้ ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวสะท้อนว่า กกต.ไม่ได้นิ่งนอนใจ

ประเด็นข้อกฎหมายนี่แหละที่จะทำหลายฝ่ายเกรงว่าจะสร้างปัญหาในอนาคต ทั้งนี้ ต้องเข้าใจเหมือนที่เคยบอกไป ยังไงเสีย กกต.ก็ต้องเดินหน้ารับรองผลการเลือก สว.เพราะหากดำเนินการเป็นอย่างอื่น ก็เท่ากับว่ากระบวนการที่เริ่มมาตั้งแต่ต้นเป็นความผิดพลาด การทำงานของสำนักงานและกรรมการ กกต.มีข้อบกพร่อง ยิ่งจะทำให้ยุ่งกันไปใหญ่ เดินกันมาขนาดนี้ก็ต้องไปให้สุด หากจะมีปัญหาข้อกฎหมายในภายหลังก็เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบทั้งต่อตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องและองค์กร

การที่ได้ สว.ชุดใหม่แล้ว ย่อมทำให้พวกลากตั้งต้องลากกระเป๋ากลับบ้านไปโดยปริยาย ส่วนที่เพิ่งมีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาตรวจสอบการเลือกสมาชิกวุฒิสภา ไปเมื่อวันอังคารที่ผ่านมาก็ต้องมีอันยุติการปฏิบัติหน้าที่ไปด้วยเช่นกัน ความจริงก็ไม่ควรจะดำเนินการกันตั้งแต่ต้น พอจะเข้าใจได้เมื่อได้แสดงออกถึงความพยายามที่จะทำให้การเลือก สว.เป็นโมฆะกันมาแล้ว ก็ต้องเดินกันให้สุด ส่วนใครจะวิจารณ์อย่างไรคนพวกนี้อย่างหนาเรียกพี่ จึงไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น

หลังจากนี้ต้องจับตาความเคลื่อนไหวของ สว.ชุดใหม่ จะได้เห็นการจับกลุ่มก้อนกันชัดเจนขึ้น แนวโน้มน่าจะเป็นไปในทิศทางของการรวมกลุ่มเพื่อต่อรองทางการเมืองเป็นหลัก เพราะบทบาท อำนาจ หน้าที่อยู่ในฐานะที่จะเจรจา แลกเปลี่ยนผลประโยชน์ได้ โดยเฉพาะเรื่องสำคัญที่ฝ่ายบริหารต้องการเสียงสนับสนุนจากสภาสูง อยู่ที่ว่า สว.สายที่ไม่ได้ขึ้นตรงกับกลุ่มการเมืองใด หรือ สว.กลุ่มอิสระ จะแสดงบทบาทในการตรวจสอบ เป็นที่พึ่งที่หวังของประชาชนได้ดีขนาดไหน

เป็นไปตามคาด หลังจาก วัน อยู่บำรุง ได้ไขก๊อกจากความเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงสาธารณสุข สังเวยการไปเป็นกำลังใจให้กับ “บิ๊กแจ๊ส” พลตำรวจโท คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ในวันนับคะแนนเลือกนายก อบจ.ปทุมธานี จนสร้างความไม่พอใจให้กับ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย คนรักลูกอย่าง เฉลิม อยู่บำรุง ถึงกับฉุนขาด ท้าให้พรรคขับพ้นชายคาทันที พร้อมอ้างว่ามี 2-3 พรรคการเมืองทาบทามให้เข้าร่วม ตามมาด้วยวลีทอง “ผมตกได้ แต่ต่ำไม่ได้”

ขณะเดียวกัน ลูกชายหัวแก้วหัวแหวน วันก็ได้ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กปาดน้ำตาประกาศ “สัปดาห์หน้าผมจะไปยื่นหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคเพื่อไทย” น่าสนใจว่าเที่ยวนี้จะมีการบุกบ้านริมคลองปรับความเข้าใจกันอีกหรือไม่ สิ่งที่ สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคนายใหญ่ว่า ต้องแยกกันให้ออกระหว่างวัน และเฉลิม ถึงจะเป็นพ่อลูกแต่ก็เป็นคนละคนกัน เป็นการสื่อสารที่ไม่น่าจะรีบตอบนักข่าวเกินไป โดยลืมไปว่าเรื่องอื่นคนชื่อเฉลิมไม่ว่า แต่ถ้าแตะลูกเมื่อไหร่ถือเป็นเรื่องใหญ่ บางทีอาจถึงเวลาที่ต้องสวมคอนเวิร์สกันแล้วกระมัง

ดิจิทัลวอลเล็ต เริ่มชัดขึ้น จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ เผยหลังถกคณะอนุกรรมการกำกับโครงการเรื่องเงินในส่วนของ ธ.ก.ส. รัฐบาลอาจไม่ใช้ แต่ไม่ได้ตัดตัวเลือกนี้ทิ้ง สาเหตุมาจากกระทรวงการคลัง และสำนักงบประมาณ ได้จัดทำข้อเสนอเรื่องแหล่งเงินในโครงการใหม่ ให้เตรียมวงเงินไว้ 90% ของวงเงิน 5 แสนล้านบาท หรือ 4.5 แสนล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณปี 2567 จำนวน 1.65 แสนล้านบาท เป็นงบประมาณเพิ่มเติม 1.22 แสนล้านบาท และงบประมาณจากการบริหารจัดการในปีงบ 2567 อีก 4.3 หมื่นล้านบาท

งบประมาณปี 2568 จำนวน 2.85 แสนล้านบาท แบ่งเป็น งบประมาณที่จัดสรรให้โครงการดิจิทัลวอลเล็ตไว้แล้ว 152,700 ล้านบาท และที่บริหารจัดการเพิ่มเติมในปีงบ 2568 อีก 132,300 ล้านบาท ที่ผ่านมาโครงการรัฐจะมีประชาชนเข้ามาไม่ครบ 100% แต่จะเข้ามา 80-90% เท่านั้น หากเป็นเช่นนั้น เงินของ ธ.ก.ส.ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ แต่กลุ่มเป้าหมายยังคงเดิมที่ 50 ล้านคน บทสรุปจะเป็นแบบไหนคงต้องรอที่ประชุมคณะกรรมการดิจิทัลวอลเล็ตชุดใหญ่เคาะกันวันจันทร์นี้

อรชุน

Back to top button