“กรภัทร” แนะสอยหุ้นนิคม-อีเล็กฯ รับสหรัฐเล็งคุมส่งออกชิปให้จีน

“กรภัทร” มองหุ้นไทยได้ประโยชน์ หากสหรัฐเล็งออกมาตรการคุมส่งออกชิปให้จีน แนะสอยหุ้นกลุ่มนิคมฯ-อิเล็กทรอนิกส์ ชู WHA-KCE-HANA เด่น รอรับการย้ายฐานการผลิต พร้อมแนะเก็บหุ้นส่งออกอาหาร-ค่าปลีก รับบาทแข็งและมาตรการรัฐหนุน


นายกรภัทร วรเชษฐ์ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS กล่าวในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (18 ก.ค.67) ว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยวันนี้คาดได้รับจิตวิทยาเชิงลบตามตลาดหุ้นเอเชียปรับฐาน หลังจาก ประธานาธิบดีโจ ไบเดนกำลังพิจารณาบังคับใช้มาตรการที่เข้มงวดกับบริษัทในกลุ่มเทคโนโลยี หากบริษัทเหล่านี้ยังคงอนุญาตให้บริษัทจีนเข้าถึงเทคโนโลยีสหรัฐ

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่านับตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันดัชนี Nasdaq ได้ปรับตัวขึ้นมากว่า 20% ดังนั้นพอมีปัจจัยลบเข้ามา จะทำให้ตัวหุ้นปรับฐาน ขณะที่หุ้นไทยอาจรับผลกระทบน้อยกว่าเอเชีย เพราะหุ้นส่งออกเริ่มฟื้นตัวโดยตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันเพิ่งปรับตัวขึ้นได้ประมาณ 6%

ขณะที่ KSS ประเมินหากมาตรการด้านเศรษฐกิจสหรัฐ-จีนมีความเข้มขึ้นทั้งทรัมป์และไบเดน มองว่าผลกระทบรอบนี้จะไม่เหมือนเดิม แม้ว่าผลกระทบด้านการค้าโลกอาจจะทำให้ GDP โลกและการค้าสหรัฐจีนชะลอตัวลง แต่ในฝั่งของตลาดเกิดใหม่ จะได้ปัจจัยบวกเพราะในช่วง 7 ปีที่ผ่านมามีเรื่องการโยกย้ายฐานผลิตอย่างต่อเนื่อง supply chain มีการแปรเปลี่ยน และมองว่าไม่กระทบตลาดหุ้นไทย โดยประเมินหากมาตารการเข้มข้นขึ้น GDP ไทยจะเพิ่มได้ 0.04% และการส่งออกก็จะเพิ่มขึ้นมา 0.87% ดังนั้นไม่ต้องกังวลกับปัจจัยดังกล่าว

โดยมองกลยุทธ์ลงทุนหุ้นได้ประโยชย์ ได้แก่ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมซึ่งได้กระแสการลงทุนดาต้าเซ็นเตอร์ที่เร่งตัวขึ้นมา กระแสการย้ายฐานการผลิตจะส่งผลให้บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA เด่นจากสถานการณ์ดังกล่าว ส่วนกลุ่มส่งออก (เซมิคอนดักเตอร์) มองว่านโยบายการเมืองไทยเป็นกลาง ดังนั้นออเดอร์ซื้อชิปก็อาจจะเข้ามา มองภาพบวกส่งออกชิ้นส่วนและอาหาร

สำหรับหุ้นส่งออกชิ้นส่วนได้ประโยชน์ อาทิ บริษัท เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ KCE, บริษัท ฮานา ไมโครอิเล็คโทรนิคส จำกัด (มหาชน) หรือ HANA ส่วนหุ้นอาหารได้แก่ บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT, บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ

นอกจากนี้ในกลุ่มอุตสาหกรรมการบริโภคจะเร่งตัวขึ้นมางวันนี้ หลังวานนี้รัฐบาลอนุมัติงบประมาณส่วนเพิ่มปี 2567 วงเงิน 1.22 แสนล้านบาท ได้แก่ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT  จะเป็นภาพบวก

อีกทั้งค่าเงินบาทมีการแข็งค่า และฟันด์โฟลว์เริ่มเข้ามา และภาพบอนด์ยีลด์ที่ชะลอตัวลงต่อเนื่อง รวมทั้งไปดูโครงสร้างแก๊สในยุโรป-อเมริกาลดลงมาก ดังนั้นแนะนำกลุ่มโรงไฟฟ้ามีโอกาดีดตัวได้ อาทิ บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM

Back to top button