หุ้นไทยอลเวง (อีกแล้ว)

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเป็นอะไรที่ยากคาดเดาเสียจริง ๆ เพราะมีเรื่องราวที่สลับซับซ้อนตลอดเวลา วันก่อนเป็นอย่างหนึ่ง..วันนี้เป็นอีกอย่างหนึ่ง..วันถัดไปไม่รู้จะเป็นอย่างไร? จึงกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้นักลงทุน “ซื้อ ๆ ขาย ๆ” เร็วขึ้นเรื่อย ๆ แต่ดีอย่างหนึ่งที่ยังมีแรงซื้อเข้ามารับหุ้นเป็นระยะ ดัชนีเลยประคองตัวเหนือแนวรับ 1,320 จุดได้อย่างเหนียวแน่นไงล่ะคะ

ผลดังกล่าวทำให้ดัชนีมีลุ้นไต่ระดับขึ้นไปทดสอบแนวต้านสำคัญบริเวณ 1,335 จุดอีกครั้ง เพราะประเด็นที่เป็นตัวบั่นทอนความมั่นใจในการลงทุนเริ่มจางลงเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันก็ถูกแทนที่ด้วยแรงซื้อรอบใหม่แบบนี้ “โมนิก้า” ย่อมมองการยืนปิดที่ระดับ 1,324.76 จุด บวกไป 4.97 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.46 หมื่นล้านบาทเป็นนิมิตหมายที่ดีสำหรับการโหนกระแส เพราะตอนนี้สายบู๊เริ่มออกมาจากถ้ำมากขึ้นพะย่ะค่ะ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือการเข้ามาเล่นของร้อนอย่างหุ้น EA ทั้งที่ตามสูตรสำเร็จที่ทำกันมานานคือ “3 ฟลอร์แล้วเด้ง” แต่สุดท้ายหุ้นก็ลงแค่ “2 ฟลอร์ครึ่ง” เดี๊ยนมองเป็นเรื่องแปลกในแง่ของแรงซื้อที่เข้ามาก่อนกำหนด และถ้าดูจากการออเดอร์ขายวันก่อนที่ค้างอยู่ 200 ล้านหุ้น แต่สถานการณ์วานนี้หุ้นเทรดไป 1.03 พันล้านหุ้น และประคองตัวปิดที่ 5.30 บาท ลบไป 1.10 บาท หรือลงไป 17.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.44 พันล้านบาท เหมือนส่งสัญญาณสิ้นสุดขาลงอ๊ะป่าว?

ถึงกระนั้นเรื่องดังกล่าวก็เดิมพันด้วยหุ้นกู้ที่ต้องชำระ 400 ล้านบาทในสัปดาห์หน้า และในเดือนถัดไปก็มีหุ้นกู้ที่ต้องชำระอีก 1.50 พันล้านบาท ซึ่งหากผ่านไปได้ด้วยดีเหมือนที่เจ้าของเคยให้ข่าวไว้ ก็จะกลายเป็นหุ้นเก็งกำไรที่พวกฮาร์ดคอร์จะเข้ามาตะลุมบอนอีกหลายยกแน่ ๆ “โมนิก้า” เลยอยากจะขอเตือนพวกมือใหม่หัดเล่นไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ “หากไม่ไวจริง อย่ามาแหยม”..อิอิอิ

ส่วนเรื่องที่คิดว่า แน่ยิ่งกว่าแช่แป้งระหว่าง GULF กับ INTUCH กลับมีเงื่อนไขซ้อนเงื่อนไขหลายชั้น เลยเป็นเหตุให้นักลงทุนพากันเทขายหุ้นเพื่อรอดูความชัดเจนแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นละครเรื่องยาวที่ต้องดูกันทีละตอน ซึ่งแต่ละตอนก็มีเงื่อนไขในตัวของมันเอง จึงเป็นอีกหุ้นที่นักเล่นต้องประเมินไปทีละเปลาะว่า น่าลุยขนาดไหน? หลังราคาหุ้นทั้ง 2 ตัวยังอยู่ในระดับที่น่าสนใจน่ะซี

ที่ร้ายไปกว่านั้นดันมีข่าวลือออกไปทั่วว่า “GULF เทก EA” ทั้งที่เห็นกันทนโท่ว่า เขากำลังสาละวนกับซูเปอร์ดีลในตอนนี้ เพราะสิ่งที่กำลังทำมันใหญ่กว่าการเข้าไปตะลุมบอนในบริษัทที่มีปัญหา และที่สำคัญเขาไม่ยุ่งเผือกร้อนชิ้นนี้อย่างแน่นอน “โมนิก้า” เลยไม่อยากให้แฟนคลับหลงเชื่ออะไรง่าย ๆ และให้ช่วยกันกระจายความจริงตรงนี้ให้รับรู้กันเยอะ ๆ..ทราบแล้วบอกต่อด้วยจ้า!

เหมือนกับการทะยานขึ้นของหุ้น JAS ขึ้นมาปิดที่ระดับ 3.38 บาท บวกไป 0.46 บาท หรือขึ้นไป 15.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 575 ล้านบาท น่าจะเกี่ยวกับการประกาศซื้อหุ้นคืนราคาหุ้นละ 5 บาท โดยใช้วงเงิน 1.50 พันล้านบาท (จำนวน 300 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 3.50% ของทุนจดทะเบียน) ซึ่งจะสิ้นสุดวันที่ 23 ก.ค. 67 แบบนี้กระมัง! บรรดาขาลุยถึงลุยถั่วกันอีกยก แต่อย่าลืมว่า หากมีคนมาเสนอขายเกินจำนวนที่ประกาศซื้อคืน เขาจะใช้วิธีถัวเฉลี่ยจำนวนหุ้นทุกคนนะจ๊ะ

อีกรายที่สร้างความมึนงงให้กับ “โมนิก้า” มากเหลือเกินก็คือ อาการทรุดตัวลงต่อเนื่องของหุ้น SKY ทั้งที่ทุกคนรับรู้กันอย่างแพร่หลายว่า ผลงานปีนี้จะออกมาดีกว่าปีก่อน แต่เหตุไฉนถึงถูกขายออกมาไม่หยุดหย่อน จนวานนี้หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 16.40 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 8.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 100 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบปีครึ่งแบบนี้ มันเกี่ยวกับกองทุนโละพอร์ตหรือเปล่า?..พ่อหนุ่มบนท้องฟ้าช่วยตอบหน่อยจ้า!

ในเมื่อเม้าท์เรื่องงง ๆ ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ขอหันไปมองหุ้นซอสพริก XO เพื่อชี้ให้เห็นแรงขายที่ไหลออกมาไม่หยุดหย่อน ทั้งที่ผลงานที่ผ่านมายังทำได้ดี และปีนี้น่าจะทำผลงานได้ดีเหมือนเดิม แต่ทันทีที่ราคาหุ้นอ่อนตัวลงต่อเนื่อง จนวานนี้ลงมายืนปิดที่ระดับ 25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 4.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 100 ล้านบาท จึงตีความได้อย่างเดียวว่า พวกที่เรียกตัวเองวีไอถอนสมอ? จริงหรือไม่..ลองไปสืบกันเอาเองนะคะ

ตบท้ายกันที่หุ้นอาหารญี่ปุ่น MAGURO ก็มีชะตากรรมไม่ต่างจากรายข้างต้นสักเท่าไหร่ เพราะไป ๆ มา ๆ ก็หลุดไอพีโอที่ระดับ 15.90 บาทเสียแล้ว “โมนิก้า” เลยไม่เข้าใจสาเหตุที่ทำให้เจ้ามือเกียร์ว่างในช่วงหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ผนวกกับนี่เป็นหุ้นอีกตัวจะโตด้วยการขยายสาขา จึงอธิบายไม่ถูกเหมือนกันว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 15.40 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 3.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 43 ล้านบาท มาจากความกังวลอะไร..888

โมนิก้า: และทีมงาน