จับตา “ไบเดน” ถอนตัวชิงผู้นำสหรัฐฯ ดัน “กมลา แฮร์ริส” สู้ “ทรัมป์” จะเป็นอย่างไร?

จับตา “ไบเดน” ถอนตัวชิงผู้นำสหรัฐฯ ดัน “กมลา แฮร์ริส” สู้ “ทรัมป์” จะเป็นอย่างไร?


การเมืองของสหรัฐในตอนนี้ นับว่าต้องจับตาอย่างมากทุกความเคลื่อนไหวต่อจากนี้ หลัง โจ ไบเดน ประกาศสละสิทธิ์การเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครตในการชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ซึ่งใจความในการประกาศถอนตัวตอนหนึ่งระบุว่า ถือเป็นเกียรติอย่างสูงสุดที่ได้ทำหน้าที่ประธานาธิบดีของประชาชน แม้ว่าตนมีความตั้งใจที่จะลงเลือกตั้งอีกสมัย แต่เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์ต่อพรรคเดโมแครต อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ประเทศที่จะให้ความสำคัญกับการทำหน้าที่ในฐานะประธานาธิบดีให้สำเร็จตลอดวาระที่เหลืออยู่

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า ในสัปดาห์นี้ ไบเดน จะแถลงอย่างเป็นทางการต่อประชาชนทั่วประเทศถึงรายละเอียดเกี่ยวกับการตัดสินใจ พร้อมกล่าวขอบคุณ กมลา แฮร์ริส รองประธานาธิบดี ซึ่งเป็นคู่หูที่ยอดเยี่ยมในการปฏิบัติภารกิจทั้งหมด และแสดงความซาบซึ้งต่อชาวอเมริกันทุกคนสำหรับความหวังและความไว้ใจที่ทุกคนมีให้กับเขา

การตัดสินใจครั้งของไบเดน ต้องเล่าย้อนความกลับไป 27 มิ.ย. ที่ผ่านมา เป็นการดีเบตครั้งแรก ระหว่าง ไบเดน และ โดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งในครั้งนั้น  ไบเดน ทำได้ไม่ดีสักเท่าไหร่ ส่งผลให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า ไบเดน ไม่พร้อมในศึกเลือกตั้งครั้งนี้  เพราะการดีเบตที่ตะกุกตะกักและเหม่อลอยเมื่อวันดังกล่าว ประกอบกับ เสียงเตือนจากบุคคลในแวดวงการเมืองสหรัฐฯ ที่ขอให้ไบเดนถอนตัว ตัวอย่างเช่น บารัค โอบามา อดีตประธานาธิบดีจากพรรคเดโมแครต ที่ยังคงทรงอิทธิพลอย่างมาก ก่อนหน้านี้ออกมาเตือนว่า ยังมีอุปสรรคใหญ่รออยู่ข้างหน้า ควรปรับตัวผู้ชิงประธานาธิบดี

ขณะเดียวกันแหล่งข่าวระดับสูงในพรรคเดโมแครต เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์ The guardian ของอังกฤษ ว่า เสียงเตือนจากหลายหลากบุคคลทั้งคนภายนอก และ ภายในพรรค  มีผลทำให้ไบเดน ตัดสินใจถอนตัว

นายคริส คูนส์ สมาชิกวุฒิสภา พรรคเดโมแครตจากรัฐเดลาแวร์ ซึ่งเป็นพันธมิตรใกล้ชิดของไบเดน กล่าวกับCNN ว่า ไบเดนใช้เวลาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ไตร่ตรองเรื่องถอนตัว โดยไบเดน ได้ขอข้อมูลผลโพลทุกโพลของสหรัฐฯ ไปพิจารณา จนล่าสุด ไบเดน ตัดสินใจถอนตัวจากการเป็นผู้ชิง

  • กมลา แฮร์ริส รับไม้ต่อ แทน โจ ไบเดน

กมลา แฮร์ริส อายุ 59 ปี น้อยกว่า โจ ไบเดน ถึง 22 ปี หากเธอชนะการเลือกตั้งครั้งนี้ จะทำให้สหรัฐฯ มีผู้นำคนแรกที่เป็นทั้งผู้หญิง คนผิวสี และคนเชื้อสายเอเชีย ทั้งนี้ ภายหลังทราบข่าว โจ ไบเดน ถอนตัวและส่งไม้ต่อให้ โดยแฮร์ริส ได้กล่าวว่า ตนรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้รับการรับรองจากประธานาธิบดี และความตั้งใจของตนคือการได้รับและชนะการเสนอชื่อนี้

อย่างไรก็ตาม แฮร์ริสก็ประสบปัญหาเดียวกับไบเดน คือ มีคะแนนความนิยมต่ำตลอด 4 ปีที่ผ่านมา และ พรรครีพับลิกันก็มุ่งโจมตีเธออยู่แล้ว โดยกล่าวหาว่า แฮร์ริสล้มเหลวในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้ปกครองชายแดน (border czar) แม้เธอไม่ได้รับมอบหมายหน้าที่นั้นก็ตาม

อย่างไรก็ดี ยังมีสมาชิกเดโมแครตโปรไฟล์ครบเครื่องคนอื่น ๆ อีกมาก เช่น “กาวิน นิวซอม” ผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย หรือ “เกร็ตเชน วิตเมอร์” ผู้ว่าการรัฐมิชิแกน ก็เป็นอีกตัวเลือกที่แข็งแกร่งกว่าแฮร์ริส แต่ต้องตัดรายชื่อดังกล่าวออกไป เพราะ สมาชิกที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเหล่านั้น ประกาศชัดจะไม่ลงสมัครชิงประธานาธิบดีในปีนี้

ถึงแม้ แฮร์ริส จะรับไม้ต่อจากไบเดน แต่ก็มีเสียงเตือนจากนักวิชาการ อย่าง เอเลน คามาร์ก นักวิชาการแห่ง  สถาบันคลังสมอง Brookings ออกมาส่งเสียงเตือนว่า เดโมแครตควรหลีกเลี่ยงการสืบทอดตำแหน่งโดยอัตโนมัติจากไบเดนสู่แฮร์ริส หากว่ามีผู้สมัครคนอื่นร่วมลงแข่งขันด้วยหลังจากนี้ แต่ควรจัดให้มีกระบวนการในการคัดเลือกไม่ว่าจะก่อนหรือระหว่างการประชุมใหญ่ของพรรค เพื่อให้ผู้ลงสมัครสามารถขอคะแนนเสียงจากบรรดาผู้แทนได้

  • กระบวนการเลือกตัวแทนพรรคจะทำอย่างไร?

ข้อมูลจาก Ballotpedia ชี้ว่า ปีนี้พรรคเดโมแครตมี ‘ผู้แทนการลงคะแนนเสียง’ ทั้งหมด 4,672 คน แบ่งเป็นผู้แทนทั่วไป 3,933 คน และผู้แทนพิเศษ หรือ superdelegates ซึ่งหมายถึงสมาชิกระดับสูงของพรรค 739 คน

ผู้ที่จะได้เป็นตัวแทนพรรคเพื่อชิงตำแหน่งประธานาธิบดีต้องได้จำนวนผู้แทนเกินครึ่งหนึ่ง ซึ่งหากไม่มีผู้สมัครคนใดทำได้ ผู้แทนเหล่านั้นจะมีอิสระในการออกเสียงให้กับผู้สมัครคนใดก็ได้ในการประชุมใหญ่ของพรรค โดยจะเรียกว่าการลงคะแนนในลักษณะนี้ว่า brokered convention ครั้งสุดท้ายที่พรรคเดโมแครตมี brokered convention คือปี ค.ศ.1952

สำหรับการประชุมใหญ่ของเดโมแครตในเดือนหน้า หากมีผู้เสนอชื่อผู้ลงสมัครคนอื่นนอกเหนือจากรองปธน.แฮร์ริส อาจนำไปสู่การแข่งขันกันภายในพรรคระหว่างการประชุมดังกล่าว

  • ประเด็นที่น่าจับตามองหลังจากนี้

ช่วงที่ผ่านมา การรณรงค์หาเสียงคู่กันระหว่างประธานาธิบดีไบเดน และ รองปธน.แฮร์ริส สามารถระดมเงินทุนได้ถึง 91 ล้านดอลลาร์ตามรายงานเมื่อเดือนที่แล้ว ข้อมูลมาจากสำนักข่าวรอยเตอร์ ซึ่งตามกฎแล้ว แฮร์ริสสามารถใช้เงินส่วนนี้ในการหาเสียงต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม มีผู้แย้งว่า เงินดังกล่าวยังไม่สามารถถ่ายโอนไปยังคณะหาเสียงของแฮร์ริสได้โดยอัตโนมัติ เนื่องจาก ไบเดนยังไม่ได้ผ่านการรับรองเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครตอย่างเป็นทางการ

อีกประการหนึ่งที่ต้องจับตามอง คือ หากแฮรริสได้รับการรับรองให้เป็นตัวแทนพรรคแทนไบเดนในการประชุมใหญ่ของเดโมแครตเดือนหน้า ใครที่จะมาจับคู่กับเธอในฐานะคู่ชิงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ

การประกาศถอนตัวของไบเดน ทำให้การวางกลยุทธ์หาเสียงของเดโมแครตมีประสิทธิภาพลดน้อยลง เพราะ เหลือเวลาก่อนการเลือกตั้งอีกเพียง 3 เดือนกว่า ๆ เท่านั้นเอง เป็นเรื่องยากพอสมควร ในการปรับกลยุทธ์หาเสียงให้สอดคล้องกับ ผู้ชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯของพรรคเดโมแครตคนใหม่

Back to top button