EA-BYD เด้งกลับ! รับข่าวตัดขาย “ไทย สมายล์ บัส” นำเงินชำระหนี้
EA-BYD ดีดกลับ! ตอบรับแหล่งข่าวจากวาณิชธนกิจเผยถึง EA อยู่ระหว่างการเจรจาขายหุ้น “ไทย สมายล์ บัส” เพื่อนำเงินไปชำระหนี้ และไถ่ถอนหุ้นกู้แทนที่จะครบกำหนดภายในปีนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (24 ก.ค.67) เนื่องจากมีกระแสผ่านโซเชียลว่า EA นั้นจะมีการขาย ไทย สมายล์ บัส เพื่อกู้วิกฤต ส่งผลให้ ณ เวลา 11:30 น. นำโดย ราคาหุ้น บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA อยู่ที่ระดับ 4.32 บาท บวก 0.60 บาท หรือ 16.13% สูงสุดที่ระดับ 4.42 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.78 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.3 พันล้านบาท
บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ BYD อยู่ที่ระดับ 1.03 บาท บวก 0.08 บาท หรือ 8.42% สูงสุดที่ระดับ 1.06บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.98 บาท ด้วยมูลค่าซื้อขาย 103.25 ล้านบาท
สำหรับราคาหุ้นดีดกลับขึ้นมา ตอบรับแหล่งข่าวจากวาณิชธนกิจ เปิดเผยว่า EA อยู่ระหว่างการเจรจาขายหุ้นบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) ให้กับกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศ เพื่อนำเงินไปใช้ในการชำระหนี้ และไถ่ถอนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดภายในปีนี้
ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบวิเคราะห์สถานะการเงินและธุรกิจ หรือ Due diligence ของบริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มของ EA คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในเดือนนี้
โดยสาเหตุที่ต้องขายหุ้น TSB เนื่องมาจากบริษัทไม่สามารถออกหุ้นกู้ล็อตใหม่ได้ตามกำหนด ขณะที่สถาบันการเงินไม่กล้าที่จะปล่อยกู้ให้กับ EA ภายหลังจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ปรับลดเครดิตเรตติ้งลงอย่างมาก รวมทั้งกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. กล่าวโทษผู้บริหารไซฟ่อนเงิน
“EA จำเป็นต้องตัดแขนเพื่อเอาชีวิตรอด ซึ่งไทย สมายล์ บัส เป็นบริษัทหนึ่งที่มีกระแสเงินสดเข้ามาทุกวัน วันละ 5-6 ล้านบาท หรือปีละ 1,800 ล้านบาท และกำลังจะเบรกอีเว่นปลายปีนี้ ทำให้มีนักลงทุนต่างชาติสนใจที่จะเข้ามาลงทุน” แหล่งข่าว กล่าว
โดยปัจจุบัน บริษัท ไทย สมายล์ บัส จำกัด (TSB) ผู้ให้บริการรถโดยสารประจำทาง และเรือโดยสารพลังงานไฟฟ้า (EV) มีสัญญาสัมปทานเดินรถ 123 เส้นทาง ปัจจุบันบริษัทมีจำนวนรถเมล์ไฟฟ้าพร้อมให้บริการประชาชน 2,350 คัน และเพิ่มจำนวนให้ครบ 3,100 คัน ภายในปี 2567
ขณะที่ล่าสุด EA ได้ประกาศยกเลิกการเสนอขายหุ้นกู้ล็อตใหม่อายุ 1 และ 3 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.70-5.50% ที่กำหนดเสนอขายวันที่ 23-25 ก.ค. 2567 หลังจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ปรับลดอันดับเครดิตเนื่องจากสถานะการเงินอ่อนแอลง และยังเผชิญปัญหาอดีตผู้บริหารพร้อมพวกถูกกล่าวหาว่ากระทำการทุจริต