พาราสาวะถี
หลัง เฉลิม อยู่บำรุง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่บ้านริมคลอง เรียกร้องให้เพื่อไทยขับออกจากพรรค พร้อมบอกนักข่าวไม่อยากแม้แต่จะได้ยินชื่อ ทักษิณ ชินวัตร
หลัง เฉลิม อยู่บำรุง ตั้งโต๊ะแถลงข่าวที่บ้านริมคลอง เรียกร้องให้เพื่อไทยขับออกจากพรรค พร้อมบอกนักข่าวไม่อยากแม้แต่จะได้ยินชื่อ ทักษิณ ชินวัตร พร้อมขู่ฟ่อด ๆ จะตั้งตัวเป็นอิสระซักฟอกรัฐบาล พร้อมแฉนายใหญ่ในทำนองที่ว่าตัวเองมีบุญคุณอย่างที่ไม่ควรข้ามหัวกัน จากนั้นแค่ครึ่งชั่วโมงเศษ แพทองธาร ชินวัตร ก็ลบชื่อสารวัตรเหลิมออกจากกลุ่มไลน์ สส.เพื่อไทยทันที ปฏิกิริยาเช่นนี้คงไม่ต้องบอกว่ายังให้เกียรติกันอยู่หรือไม่
ส่วนประเด็นที่จะให้ขับพ้นพรรคนั้น ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้ ประเภทไก่เห็นตีนงู รู้กันอยู่ว่าเฉลิมก็ไม่อยากขาลอย หากแน่จริงก็ไขก๊อกทิ้งเก้าอี้ตาม วัน อยู่บำรุง เข้าคอกพลังประชารัฐให้รู้แล้วรู้รอดไปเลย ดูสง่าและมีศักดิ์ศรีกว่าเยอะ แต่นี่เล่นบทท้าทายเพื่อที่ตัวเองจะได้ยังมีหัวโขนความเป็น สส.ไปสังกัดพรรคใหม่ ถามว่าใครที่ไหนจะทำ ทนอยู่ได้ก็อยู่ไป ส่วนจะอภิปรายรัฐบาล แฉอะไรต่าง ๆ ทางพรรคไม่ได้หวั่นไหวอยู่แล้ว เพราะท่าทีของเจ้าตัวนับตั้งแต่ตั้งรัฐบาลก็ไม่เคยให้ความร่วมมือใด ๆ อยู่แล้ว
โดยเฉพาะการแสดงความไม่พอใจหลังจากที่ลูกชายไม่มีตำแหน่งทางการเมือง จนอุ๊งอิ๊งต้องเข้าไปกราบที่บ้านริมคลอง และได้ปูนบำเหน็จเก้าอี้กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรีสาธารณสุขเป็นการปลอบใจทุกอย่างจึงสงบลง แต่หนนี้มันไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความผูกพันส่วนตัวที่มีการอ้างเหตุไปปรากฏตัวให้กำลังใจคู่แข่งชิงเก้าอี้นายก อบจ.ปทุมธานีกับคนของพรรค ไม่ใช่แค่อ้างว่ายังไงคนที่ไปเชียร์ก็แพ้ โดยลืมไปว่าความน่าเชื่อถือ และความเป็นผู้นำพรรคของลูกสาวนายใหญ่ควรได้รับการให้เกียรติด้วยเช่นกัน
ความจริงการแตกหัก จนนำไปสู่การสวมคอนเวิร์สเที่ยวนี้ ก็สอดรับกับการเตรียมพร้อมที่จะปรับเปลี่ยนเพื่อทำการเมืองในสนามกรุงเทพฯ ให้พลิกโฉมจากที่เคยใช้คนบ้านใหญ่ หรือที่เคยมีฐานเสียงจากบรรดา สก.ในแต่ละพื้นที่ มานำเสนอทางเลือกใหม่ในหลายพื้นที่ และบางบอนก็ถึงเวลาต้องขยับเช่นกัน หากเฉลิมยังอยู่ก็ทำได้ยาก เมื่อได้มีการเลือกทางเดินกันแบบนี้ก็ไม่ต้องเกรงใจกันอีกต่อไป ส่วนจะได้ผลหรือไม่ปัจจัยทางการเมืองเปลี่ยนแปลงได้อยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม การไม่แยแสแม้อดีตผู้ยิ่งใหญ่ฝั่งธนฯ จะออกมาท้าเหยง ๆ พร้อมขับเคลื่อนด้วยท่วงทำนองต่าง ๆ เป็นการแสดงจุดยืน ยึดบนหลักการของการเป็นผู้นำพรรค และกฎ กติกา การอยู่ร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดข้อครหามีอภิสิทธิ์ชนภายในพรรค เหมือนที่แพทองธารให้สัมภาษณ์ย้ำหลังลบชื่อเฉลิมพ้นไลน์กลุ่ม สส.ของพรรคว่า “เราไม่ได้อยากให้มีดราม่าเพิ่มขึ้นและไม่คิดว่าการเอาออกจากกลุ่มนั้นจะเป็นข่าว เพราะคิดแค่ว่าไม่อยากให้คนในกลุ่มอึดอัดใจกัน นี่คือความตั้งใจ ฉะนั้น เมื่อเป็นข่าวดิฉันก็พร้อมอธิบายว่าเราต้องทำงานต่อ ส่วนเรื่องที่ ร.ต.อ.เฉลิมออกมาแถลงเช่นนั้น ก็เป็นเรื่องของท่าน”
นุ่มนวลแต่หนักแน่น เด็ดขาด พร้อม ๆ กับการยืนยันเรื่องการพูดคุย ลูกสาวคนเล็กของทักษิณก็ย้ำความเป็นพรรค คำนึงถึงความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ หนนี้จะไม่มีการไปพบที่บ้านริมคลองอีกแล้ว เป็นการแสดงท่าทีที่ให้เห็นถึงวุฒิภาวะ ความเป็นผู้นำที่เด็ดเดี่ยว กับคำพูดที่ว่า “พร้อมเสมอ อยู่ที่นี่พรรคเพื่อไทย ฉะนั้น หากยังสามารถคุยได้ ก็พร้อมคุยอยู่แล้ว” เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ซึ่งการมาคุยที่พรรคเป็นกิจลักษณะ และควรมีเลขาธิการพรรคหรือใครอยู่ด้วยกัน เพราะเป็นเรื่องที่ควรคุยกันอย่างเป็นทางการ
เมื่อถูกมองแบบไม่ให้ราคากันเช่นนี้ สำทับด้วยคำยืนยันต่อการลบชื่อออกจากไลน์กลุ่มว่า เอาออกจากกลุ่มอย่างเดียว ไม่มีนโยบายขับออกจากพรรค ก็เป็นการประกาศถึงทิศทางของเพื่อไทย ต่อการที่จะบีบให้เฉลิมต้องไขก๊อกไปเอง ส่วนที่แยกเขี้ยวขู่จะใช้ความเป็น สส.อภิปรายรัฐบาลนั้น อุ๊งอิ๊งก็บอกแค่ว่าเป็นเรื่องที่พรรคต้องจัดการและต้องรับมือไปตามเรื่อง ไม่ได้ยี่หระยี่ห้ออดีตขุนศึกฝั่งธนฯ แต่อย่างใด เช่นนั้น เราก็คงจะได้เห็นการฟาดงวงฟาดงาของเฉลิมอยู่เป็นระยะ
ปัญหาทางการเมืองที่เป็นเรื่องความขัดแย้ง หรือไม่ลงรอยในทางการเมืองทั้งภายในพรรค และระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล นายใหญ่มองเป็นเรื่องรอง สิ่งที่จับตาอยู่เวลานี้คือความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ก๊วน ที่พยายามจะรวมตัวต่อรอง จัดตั้งเตรียมความพร้อมกรณีเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองที่ไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะคดีของ เศรษฐา ทวีสิน ทั้งที่ค่อนข้างจะมั่นใจว่าผลจะเป็นไปในทางบวก แต่เพื่อความไม่ประมาทต้องประเมินท่าทีของฝ่ายที่ต้องการพลิกขั้วอีกรอบด้วย
วันคล้ายวันเกิดครบรอบ 75 ปีวันนี้ (26 กรกฎาคม) นอกจากกิจกรรมทำบุญพร้อมครอบครัวที่บ้านจันทร์ส่องหล้าแล้ว บิ๊กแม้วยังเปิดโอกาสให้คนใกล้ชิดได้เข้าไปอวยพร แต่รอบนี้จะไม่อนุญาตให้สื่อเข้าไปบันทึกภาพภายในบ้าน รวมทั้งผู้ที่ได้รับเชิญเลขทะเบียนรถต้องตรงกับที่แจ้งไว้เท่านั้น นั่นหมายความว่า ไม่ใช่แค่การต้องการความเป็นส่วนตัว แต่ตรงนี้จะถือเป็นโอกาสในการตรวจสอบ ตรวจทาน ถามไถ่ความมั่นใจที่จะเดินไปด้วยกันว่ายังเหนียวแน่นเหมือนเดิมหรือไม่
ภายใต้เกมการเมืองที่เคยถูกหักหลังมานับครั้งไม่ถ้วน การขับเคลื่อนหนนี้ที่เทเดิมพันกันแบบหมดหน้าตัก จึงต้องละเอียด รอบคอบ ทุกเม็ดทุกดอก กระบวนการตัดสินใจของนายใหญ่ต่อการขับเคลื่อนทั้งงานการเมือง และแนวทางในการบริหารงานรัฐบาลภายใต้การนำของเศรษฐา ไม่ได้มีการทุบโต๊ะเหมือนที่ผ่านมา เพราะมีบทเรียนแล้วว่า การเอาแต่ใจ เหลิงอำนาจ สุดท้ายนอกจากไม่ก่อให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังสร้างศัตรูแบบไม่รู้ตัว ที่สำคัญหลายกรณีเป็นการผลักมิตรให้เป็นศัตรู ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องอันตรายอย่างยิ่ง
หากตามการเมืองบนโลกแห่งความเป็นจริง ย่อมมองเห็นกันทะลุปรุโปร่งถึงการเกิดขึ้นของรัฐบาลเศรษฐา กับเบื้องหลังที่ยืนค้ำ เบื้องหลังที่บัญชาการทั้งรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยอีกทอดหนึ่ง แน่นอนว่า ฟากของอนุทินก็ไม่ต่างกัน อีกด้านอาจารย์ใหญ่ใช้กลยุทธ์กุมความได้เปรียบเพื่อสร้างความเกรงใจให้กับพรรคแกนนำรัฐบาล แต่เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจ ก็ต้องหันกลับไปมองเบื้องหลังที่ทรงพลังเช่นเดียวกับพรรคแกนนำรัฐบาล ถ้าไม่มีเรื่องทุจริตร้ายแรง ประเภทสะดุดขาตัวเองหกคะเมนตีลังกา ยังไงเสียรัฐบาลที่ถูกตราหน้าว่าตระบัดสัตย์ ก็จะตีกรรเชียงอยู่กันไปยาว ๆ
อรชุน