โบรกแนะลงทุน 4 หุ้น จ่อรับประโยชน์ “จีน” ลดดอกเบี้ย “MLF” กระตุ้นเศรษฐกิจ
โบรกชี้ข่าวแบงก์ชาติจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง “MLF” 1 ปี ลงสู่ระดับ 2.3% บ่งชี้ว่าจีนเร่งผลักดันเศรษฐกิจหลัง “GDP” ไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 4.7% มองเป็นบอกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงกับจีน อาทิ IVL-DOHOME-PTTGC-STA
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณี ธนาคารประชาชนจีน (PBOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ระยะกลาง Medium-Term Lending Facility หรือ MLF 1 ปีลงจาก 0.20% สู่ระดับ 2.30% โดยนับเป็นการปรับลดมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2563 โดยการลดดอกเบี้ยของ PBOC พื้นฐานแล้วเป็นความพยายามประสานอัตราดอกเบี้ยหลักทั้งหมดเพื่อผ่อนคลายนโยบายการเงิน รวมถึงกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ซบเซา นอกจากนี้ บ่งชี้ถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการผลักดันเศรษฐกิจภายหลัง (GDP) จีนไตรมาส 2 ขยายตัวเพียง 4.70% เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าคาดการณ์ของ สำนักข่าวรอยเตอร์ อยู่ที่ 5.10%
ขณะที่การลดอัตราดอกเบี้ยนับเป็นมาตรการหนึ่งที่ธนาคารกลางจีนใช้เพื่อลดต้นทุนทางการเงินและกระตุ้นให้เกิดการลงทุน รวมถึงภาคการบริโภค เพื่อรักษาทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไปในตัว
ทั้งนี้ สอดคล้องกับบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุถึงข่าวดังกล่าวว่า การที่ธนาคารกลางจีนปรับลดดอกเบี้ย MLF อายุ 1 ปี ลง 0.20 เหลือ 2.30% ถือเป็นการปรับลดดอกเบี้ยต่อเนื่องจากต้นสัปดาห์ที่ปรับลดดอกเบี้ย LPR เพื่อเพิ่มสภาพคล่องและฟื้นฟูภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยฝ่ายนักวิเคราะห์มองเป็นจิตวิทยาบวกต่อหุ้นที่ทำธุรกิจเชื่อมโยงจีน อาทิ บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL, บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC และ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ที่อาจได้รับประโยชน์จากการกระตุ้นดังกล่าว
นอกจากนี้ทั้ง 4 บริษัทที่กล่าวมาข้างต้นคาดว่าจะได้รับประโยชน์จากจีนลดดอกเบี้ย MLF กระตุ้นเศรษฐกิจสวนหนึ่งแล้ว บริษัทดังกล่าวต่างมีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และทางนักวิเคราะห์ประเมินทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 2/67 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมกับได้ระบุถึงปัจจัยต่างๆ ที่เป็นตัวสนับสนุนดังนี้
บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น IVL ราคาเป้าหมาย 6.50 บาท โดยคาดการณ์ว่าผลดำเนินงานในปีนี้จะพลิกมีกำไรปกติที่ 8,992 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ขาดทุนอยู่ที่ 1,880 ล้านบาท เนื่องจากขาดทุนสต็อกที่ลดลงและกำไรก่อนหักดอกเบี้ย core EBITDA/ton ฟื้นเป็น 99 ดอลลาร์ต่อตัน เพิ่มขึ้น 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการฟื้นของทั้ง PET ที่อุปทานส่วนเกินลดลง รวมถึงความต้องการฟื้นตัว นวมไปถึงความต้องการใช้ของสหรัฐฟื้นตัว และ Fibers ที่ความต้องการใช้กลุ่มยานยนต์และจากประเทศจีนฟื้นตัว
บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” หุ้น DOHOME ราคาเป้าหมาย 11.80 บาท คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 2/67 ที่อยู่ระดับ 201 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 411% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เติบโตดีที่สุดในกลุ่มเดียวกัน โดยกำไรที่ชะลอตัวจากไตรมาสก่อนหน้าเกิดจากมาร์จิ้นที่ลดลงจากส่วนประสมของผลิตภัณฑ์ (Product Mix) และต้นทุนขนส่งที่สูงขึ้น ส่วนกำไรที่เติบโตจากปีก่อนเกิดจากมาร์จิ้นที่เพิ่มขึ้นหลังไม่มีการเคลียร์สต๊อกในไตรมาส 2/66
ขณะที่ การเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) คาดการณ์ว่ายังติดลบ 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนแต่มีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากไตรมาส 1/67 ที่ติดลบแรง ส่วนทิศทางกำไรไตรมาส 3/67 คาดการณ์ว่าจะเติบโตจากปีก่อน โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก SSSG ที่คาดการณ์ว่าจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นจากการเบิกจ่ายของรัฐบาลและคาดการณ์รายได้ภาคการเกษตรจะปรับตัวดีขึ้น พร้อมคาดการณ์กำไรปี 67 เติบโต 84% จากปีก่อน นอกจากนี้ปี 68-69 คาดการณ์เติบโตเฉลี่ยปีละ 26%
บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น PTTGC ราคาเป้าหมาย 39 บาท โดยคาดการณ์ผลประกอบการไตรมาส 2/67 จะพลิกกลับมามีกำไรอยู่ที่ 1.9 พันล้านบาท จากช่วงไตรมาส 2/66 ที่ขาดทุน 5.6 พันล้านบาท และจากไตรมาส 1/67 ที่ขาดทุน 606 ล้านบาท โดยกำไรที่เกิดขึ้นในไตรมาส 2/67 จะมาจากรายการพิเศษเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้หากไม่นับรวมรายการพิเศษคาดการณ์จะยังขาดทุนปกติที่ราว 1.6 พันล้านบาท โดยผลขาดทุนนั้นมาจากธุรกิจโรงกลั่นที่มีค่าการกลั่น (GRM) ลดลง และ ราคาผลิตผลพลอยได้ (byproduct) ปรับลดลง
ส่วนแนวโน้มครึ่งหลังปี 67 ทิศทางธุรกิจอาจจะค่อยๆ ฟื้นตัวโดย GRM ที่ปรับดีขึ้น ซึ่งฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินว่าด้วยผลของภาวะลานีญา (La Nina) จะเป็นปัจจัยสนับสนุนทำให้ GRM ปรับสูงขึ้น ในขณะที่ปิโตรเคมีคาดการณ์ว่าจะทรงตัว
บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น STA ราคาเป้าหมาย 24 บาท ซึ่งคาดการณ์ผลประกอบการในไตรมาส 2/67 จะพลิกกลับมามีกำไรอีกครั้งในรอบ 5 ไตรมาส ซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนจากราคาขายเฉลี่ยที่สูงขึ้น สะท้อนราคายางในตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้าในประเทศสิงคโปร์ (SICOM) ได้มากขึ้น ซึ่งประเมินว่าจะอยู่ที่ราว 160-165 Cent/kg จากเฉลี่ยไตรมาส 1/67 ที่ 155 Cent/kg ส่วนปริมาณขายคาดการณ์ทรงตัวอยู่ที่ 3.2 แสนตัน