DELTA ส่งซิกครึ่งปีหลังโตต่อ รับธุรกิจ “ดาต้าเซ็นเตอร์-อีวี” หนุนดีมานด์พุ่ง
DELTA ส่งซิกครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง รับธุรกิจกลุ่มดาต้าเซ็นเตอร์ โดยเฉพาะ Ai และยานยนต์ไฟฟ้า รวมถึงกลุ่มธุรกิจโซลูชั่น หนุนดีมานด์เพิ่มขึ้น พร้อมเดินหน้าบริหารสินค้าคงคลังอย่างมีประสิทธิภาพ
นายแจ็คกี้ ชาง ประธานบริหาร บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 5 ส.ค.67ว่า บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 2/67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,565.02 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.64% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4,668.03 ล้านบาท
ขณะที่มีรายได้จากการขายและรายได้จากการให้บริการอยู่ที่ 41,772 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน 35,840 ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของ Power Electronics ซึ่งได้รับแรงหนุนจากโซลูชันการจัดการพลังงานประสิทธิภาพสูงเพื่อรองรับการปรับใช้เทคโนโลยี AI ที่ทันสมัยในศูนย์ข้อมูลและแอปพลิเคชันคอมพิวเตอร์ที่เร่งความเร็วในอุตสาหกรรมและบริการต่างๆ จึงกระตุ้นการเติบโตของการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานระบบคลาวด์
สำหรับแนวโน้มครึ่งปีหลังยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ว่าอุปสงค์ยังเพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้าหลักอย่าง ดาต้าเซ็นเตอร์, Ai, ยานยนต์ไฟฟ้า และกลุ่มธุรกิจโซลูชั่น เนื่องจากบริษัทเชื่อว่ายังกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับตลาดกลางไปจนถึงตลาดบน รวมถึงมี New Model ที่กำลังพัฒนา เพื่อที่จะออกกระตุ้นดีมานด์ส่วนหนึ่ง โดยมองว่าภาพรวม EV ยังมีแนวโน้มที่จะฟื้นตัวได้ต่อเนื่องทางฝั่งตลาดยุโรป อย่างไรก็ตามยังคงกังวลผลกระทบทะเลแดงเดือด หรือสถานการณ์สงคราม
ด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์เพาเวอร์อิเล็กทรอนิกส์ที่รองรับการใช้งานเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Articial Intelligence Application : Al) ในดาต้าเซ็นเตอร์มีทิศทางเติบโตดี ซึ่งกลุ่มบริษัทฯ ยังมีมุมมองเชิงบวกกับธุรกิจนี้ ส่วนภาพรวมกลุ่มธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ทั่วไปคาดว่ายังสามารถรักษาการเติบโตในระดับปานกลางได้
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีความสามารถในการบริหารสินค้าคงคลัง สามารถเร่งใช้สินค้าคงค้างๆ อีกทั้งบริษัทฯ ยังร่วมมือกับผู้ขาย (Supplier) เพื่อบริหารจัดการกับวัตถุดิบสำคัญ ซึ่งคาดการณ์ว่าไม่น่าจะเกิดปัญหาในช่วงครึ่งปีหลัง
ขณะที่แนวโน้มอุตสาหกรรมทั้งกลุ่มธุรกิจ EV ระยะกลางและระยะยาว มองว่ายังอยู่ในเทรนด์ เนื่องจากแนวทางการลดปล่อยก๊าซคาร์บอน แก้ปัญหาโลกร้อน ซึ่งถ้าหากยังไม่มีเทคโนโลยีอื่นมาทดแทน มองว่า EV ยังเป็นแนวทางที่ดีที่สุดของพลังงานสะอาด และปัญหาสิ่งแวดล้อมในวงกว้างได้ ส่วนกลุ่มธรกิจดาต้าเซ็นเตอร์มองว่าในส่วนของ AI จะขยายไปในหลากหลายธุรกิจทั้งภาคการผลิตซึ่งเริ่มเห็นการใช้แพร่หลายมากขึ้น
สรุปข้อมูลตามบริษัทจดทะเบียนตามรอบบัญชี