SCCC อินทรีคืนคอน.!?

ตลาดหุ้นไทยเปิดต้นสัปดาห์นี้มาสดใสซาบซ่า ดัชนีบวกไป 20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อที่อุ่นหนาฝาคั่ง 62,358.60 ล้านบาท ถือเป็นโมเมนตัมเชิงบวก


ตลาดหุ้นไทยเปิดต้นสัปดาห์นี้มาสดใสซาบซ่า ดัชนีบวกไป 20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อที่อุ่นหนาฝาคั่ง 62,358.60 ล้านบาท ถือเป็นโมเมนตัมเชิงบวก เพราะไม่ได้เห็นบรรยากาศตลาดหุ้นไทยคึกคักอย่างนี้มานานนมแล้ว…แต่แปลกแฮะ กลับพบว่านักลงทุนต่างชาติขายหุ้นไทยสูงถึง 10,486.55 ล้านบาทซะงั้น…ก็งงกันยกใหญ่สิครับท่านนน..??

สุดท้ายมีธุรกรรมบิ๊กล็อตของบริษัท ปูนซีเมนต์นครหลวง จำกัด (มหาชน) หรือ SCCC จากการที่ Jardine Cycle & Carriage Limited ผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ได้ขายหุ้นล้างพอร์ต จำนวน 76.11 ล้านหุ้น คิดเป็น 25.54% ให้กับบริษัท ซันไรส์ อีคิวตี้ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 1 มูลค่ารวม 12,177 ล้านบาท รวมอยู่ด้วย

ดังนั้น หากไม่รวมรายการดังกล่าว นักลงทุนต่างชาติจะมียอดซื้อสุทธิ 1,690.63 ล้านบาท นะออเจ้า…

โอเค…พักเรื่องนักลงทุนต่างชาติซื้อ ๆ ขาย ๆ หุ้นไทยไว้ก่อน มาว่าด้วยเรื่องธุรกรรมบิ๊กล็อตหุ้น SCCC กันดีกว่า เพราะจากการทำรายการดังกล่าว ส่งผลให้บริษัท ซันไรส์ อีคิวตี้ ถือหุ้น SCCC รวมเบ็ดเสร็จ 71.88% เลยทีเดียว…

งั้นลองมาย้อนสาแหรกของหุ้นตัวนี้กันหน่อยดีกว่า…SCCC หรือบางครั้งเรียกว่า “ปูนกลาง” ก่อตั้งเมื่อปี 2512 โดย “ตระกูลรัตนรักษ์” และได้เริ่มผลิตปูนซีเมนต์ตั้งแต่ปี 2515 เป็นต้นมา โดยผลิตปูนซีเมนต์ภายใต้ชื่อ “ปูนตรานกอินทรี” ต่อมาในปี 2520 ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ปูนซีเมนต์นครหลวงก้าวขึ้นมาเป็นผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายใหญ่ของไทย จนกระทั่งเกิดวิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 ซึ่งทำให้ธุรกิจต่าง ๆ ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า ไม่เว้นแม้แต่ SCCC ทำให้ตอนนั้น “กลุ่มรัตนรักษ์” ไม่มีทางเลือก ต้องดึงพันธมิตรจากต่างประเทศเข้ามาช่วยกอบกู้สถานการณ์ ผ่านการขายหุ้น 24.99% ให้กับกลุ่มโฮลซิม ลิมิเต็ด (โฮลซิม) บริษัทผู้ผลิตปูนซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างรายใหญ่ของโลกจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ในปี 2541

โฮลซิมเข้ามาบริหารจัดการใน SCCC อยู่หลายปี กระทั่งในปี 2555 โฮลซิมซึ่งถือหุ้นในนามของบริษัท ไทย ร็อค-เซม จำกัด และ HOLDERFIN B.V. ได้แบ่งขายหุ้นสัดส่วน 9.3% ให้กับบริษัท กรุงเทพโทรทัศน์และวิทยุ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่มรัตนรักษ์ ส่งผลให้กลุ่มรัตนรักษ์ ถือหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 45.37%

จากนั้นในปี 2558 โฮลซิมได้ขายหุ้นที่ถืออยู่ทั้งหมด 27.5% ในราคาหุ้นละ 350 บาท โดยแบ่งขายก้อนใหญ่ให้กับ Jardine Cycle & Carriage Limited ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ประเทศสิงคโปร์ สัดส่วน 24.90% และขายให้นักลงทุนสถาบันรายอื่นหลายรายสัดส่วน 2.60%

ทำให้ Jardine Cycle & Carriage Limited เข้ามาถือหุ้นใหญ่ร่วมกับ “กลุ่มรัตนรักษ์”

กระทั่งล่าสุด Jardine Cycle & Carriage Limited ตัดสินใจขายหุ้น SCCC คืนให้กับบริษัท ซันไรส์ อีคิวตี้ ซึ่งเป็นบริษัทใน “กลุ่มรัตนรักษ์” ไปหมดแล้ว

แต่ Jardine Cycle & Carriage Limited ไม่ได้กลับบ้านไปมือเปล่านะ…หอบเงินปันผลก้อนโตกลับไปด้วย

ในขณะที่ “กลุ่มรัตนรักษ์” ก็กลับมาถือหุ้น SCCC เต็มไม้เต็มมืออีกครั้ง…

งานนี้ไม่ต่างจากนกอินทรีคืนคอนนะเนี่ย..!!

ขณะที่มุมมองของนักวิเคราะห์อย่างบล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ไม่ทราบเหตุผลที่ Jardine Cycle & Carriage Limited ตัดสินใจขายหุ้น SCCC ทั้งหมดให้บริษัท ซันไรส์ อีคิวตี้ แต่เชื่อว่าจะไม่ส่งผลต่อทิศทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตของ SCCC หรือทำให้ Free Float ในตลาดเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม โดยมองว่า SCCC มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งหลังผ่านการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ ขณะที่ทิศทางธุรกิจโดยรวมดูดีขึ้นทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ

แต่ถ้าให้เดาคงไม่มีอะไรมาก…แค่ฝ่ายหนึ่งอยากออก ในขณะที่อีกฝ่ายอยากรวบหุ้นบริษัทลูกให้เบ็ดเสร็จก็เท่านั้น เป็นดีลที่สมประโยชน์กันทุกฝ่าย

ส่วนการที่บริษัท ซันไรส์ อีคิวตี้ ประกาศตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ หุ้นที่เหลือ 83.80 ล้านหุ้น คิดเป็น 28.12% ในราคาหุ้นละ 160 บาท มูลค่ารวม 13,408 ล้านบาท ก็เป็นไปตามเงื่อนไขของตลาดหลักทรัพย์ฯ…คงไม่ได้อยากได้หุ้นเพิ่มจริง ๆ หรอก

เชื่อหัวไอ้เรืองสิ..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button