โบรกฯแนะสอย 8 หุ้น ราคาถูก-ปันผลสูงSET บ่ายแกว่งแคบ กรอบ 1,260-1,275
ตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (26 ม.ค.) เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ถือว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีฯยังดูดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะติดลบเฉลี่ยราว 1% โดยตลาดหุ้นไทยเป็นลักษณะเหมือนการสลับกลุ่มเล่น โดยมีแรงขายเข้ามาที่หุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับตัวลง แต่ก็มีการโยกเข้ามาเก็บหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ทำให้ดัชนีฯไม่ปรับตัวลงมาก ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย คาดดัชนีฯจะแกว่งตัวแคบในกรอบแนวรับ 1,260 จุด ส่วนแนวต้าน 1,275 จุด
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (26 ม.ค.) เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ถือว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีฯยังดูดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะติดลบเฉลี่ยราว 1% โดยตลาดหุ้นไทยเป็นลักษณะเหมือนการสลับกลุ่มเล่น มีแรงขายเข้ามาที่หุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับตัวลง แต่ก็มีการโยกเข้ามาเก็บหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ทำให้ดัชนีฯไม่ปรับตัวลงมาก ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย คาดดัชนีฯจะแกว่งตัวแคบในกรอบแนวรับ 1,260 จุด ส่วนแนวต้าน 1,275 จุด
นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์การลงทุน บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบเล็กน้อย ถือว่าการเคลื่อนไหวของดัชนีฯยังดูดีกว่าตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียที่ส่วนใหญ่จะติดลบเฉลี่ยราว 1% โดยตลาดหุ้นไทยเป็นลักษณะเหมือนการสลับกลุ่มเล่น โดยมีแรงขายเข้ามาที่หุ้นในกลุ่มพลังงานหลังราคาน้ำมันปรับตัวลง แต่ก็มีการโยกเข้ามาเก็บหุ้นในกลุ่มสื่อสาร ทำให้ดัชนีฯไม่ปรับตัวลงมาก
ทั้งนี้ ให้ติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้-พรุ่งนี้ (26-27 ม.ค.) และให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งจะทยอยออกมา โดยคาดว่าจะเริ่มที่กลุ่มสื่อสารก่อน แล้วตามมาด้วยกลุ่มพลังงาน ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่าย คาดดัชนีฯจะแกว่งตัวแคบในกรอบแนวรับ 1,260 จุด ส่วนแนวต้าน 1,275 จุด
บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ ( 26 ม.ค.) ว่า SET ปรับลดลงตามตลาดหุ้นต่างประเทศ หลังราคาน้ำมันปรับลดลงต่ำกว่า US$30/bbl อีกครั้งเช้านี้เป็นปัจจัยหุ้นกลุ่มพลังงาน อย่าง PTT PTTEP และ PTTGC แม้ระยะสั้นอาจมีแรงกดดันจากความผันผวนตลาดหุ้นโลก และราคาน้ำมัน แต่ยังมอง SET มีจังหวะ Rebound ระยะสัปดาห์เหมือนเดิม จากค่าเงินหยวนเริ่มมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังคาดว่า Fed ไม่รีบขึ้นดอกเบี้ย และธนาคารกลางจีนอัดฉีดสภาพคล่องเข้าระบบอย่างต่อเนื่อง และ ECB และ BOJ มีแนวโน้มใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
อีกทั้งจากสถิติในอดีต SET ให้ผลตอบแทนเป็นบวก 8 ปีใน 10 ปี ช่วงเดือน ก.พ.-เม.ย.แนะนำ “ซื้อ” 1) หุ้น Valuation ต่ำ ใกล้จุดต่ำสุดช่วงปี 2551 อย่าง PTT และ SCB และ 2) หุ้นปันผลสูง เป็นเป้าหมายการซื้อก่อนฤดูปันผล อย่าง KTB INTUCH PS และ SIRI รวมไปถึง REIT/Infra Fund อย่าง DIF และ CPNRF
แนะนำ “ซื้อ” PS ต่อเนื่องจากเมื่อวาน : แนะนำ “ซื้อ” PS ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 38.0 บาท จาก 1) คาดการณ์รายได้ และกำไรไตรมาส 4/58 ออกมาดี เนื่องจากผู้บริโภคเร่งโอนบ้านหลังมาตรการกระตุ้นอสังหาฯ ในเดือน พ.ย. 2) การปรับ Dividend Policy เป็น “ไม่น้อยกว่า 50% ของกำไรสุทธิ” โดยจะเริ่มตั้งแต่ผลการดำเนินงานครึ่งหลังปี 58 ทำให้คาดว่า PS จะจ่ายเงินปันผล 1 บาท/หุ้น ในงวดครึ่งหลังปี 58 หรือคิดเป็นปันผล 4% และคาดว่าจะทำให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2016 เพิ่มขึ้นเป็น 1.70 บาท/หุ้น หรือ 6.8% สูงที่สุดในกลุ่มอสังหาฯ 3) ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ฟื้นตัว 3 เดือนติดต่อกัน ซึ่งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคมักเป็น Leading Indicator ต่อกลุ่มอสังหาฯ และ PS
สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า
JAS มูลค่าการซื้อขาย 1,480.60 ล้านบาท ปิดที่ 3.14 บาท เพิ่มขึ้น 0.04 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 905.30 ล้านบาท ปิดที่ 217.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 586.30 ล้านบาท ปิดที่ 156.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 530.30 ล้านบาท ปิดที่ 41.00 บาท ลดลง 0.50 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 429.89 ล้านบาท ปิดที่ 158.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท