พาราสาวะถี
ถือเป็นการตัดจบปิดจ๊อบผลักให้คนบ้านในป่าพาคณะ สส.ที่ยังภักดีไปทำหน้าที่ฝ่ายค้าน หลังที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย มีมติไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐ
ถือเป็นการตัดจบปิดจ๊อบผลักให้คนบ้านในป่าพาคณะ สส.ที่ยังภักดีไปทำหน้าที่ฝ่ายค้าน หลังที่ประชุม สส.พรรคเพื่อไทย มีมติไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคพลังประชารัฐด้วยเหตุผลความไม่สบายใจทั้งต่อท่าทีของหัวหน้าพรรคที่ไม่ร่วมโหวตให้กับแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคแกนนำตั้งแต่คราว เศรษฐา ทวีสิน จนมาถึง แพทองธาร ชินวัตร มิหนำซ้ำ ยังมองกันว่าผู้อยู่เบื้องหลังของกลุ่ม 40 สว.ที่ไปยื่นร้องศาลรัฐธรรมนูญให้สอยเสี่ยนิดพ้นจากตำแหน่ง คนรู้กันทั้งประเทศว่ามาจากฝีมือใคร
หลังจาก สส.ของพรรคมีข้อเสนอเช่นนี้ กรรมการบริหารเพื่อไทยก็สนองทันทีด้วยการมีมติ ไม่สามารถร่วมงานกับพรรคสืบทอดอำนจได้ จากความไม่สบายใจของ สส.ของพรรค จากนั้นก็เข้าสู่พิธีกรรมในการเชิญกลุ่มการเมือง และพรรคการเมืองอื่นเพื่อมาร่วมรัฐบาล ในที่นี้หนีไม่พ้น กลุ่มของ ธรรมนัส พรหมเผ่า กับ พรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะพรรคเก่าแก่นั้นสื่อหลายสำนักพาดหัวตรงกัน “พร้อมมาก” เมื่อมีเทียบเชิญจะมีการเรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค พร้อมเชิญ สส.ร่วมหารือกันต่อทันที
ในวันรุ่งขึ้น สรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปส่งหนังสือเชิญพรรคเก่าแก่ร่วมรัฐบาลทันควัน โดยมี เดชอิศม์ ขาวทอง แม่บ้านพรรคเก่าแก่เป็นผู้รับหนังสือ เนื้อหาในหนังสือนั้นหวานเจี๊ยบ ระบุว่า พรรคประชาธิปัตย์ มีบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถและมีอุดมการณ์ที่จะทำงานร่วมกันได้ จึงขอเรียนเชิญได้เข้าร่วมรัฐบาล เพื่อร่วมกันบริหารราชการแผ่นดินให้เกิดประโยชน์แก่ประเทศชาติและความผาสุกของประชาชน
โดยท้ายหนังสือระบุด้วยว่า โปรดส่งรายชื่อบุคคลที่เห็นว่าเป็นผู้มีความรู้ความสามารถ มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามที่จะดำรงตำแหน่งส่งมายังพรรคเพื่อไทย ผ่านเลขาธิการพรรคโดยด่วนต่อไป ไม่มีอะไรซับซ้อน ทุกอย่างเป็นเพียงพิธีกรรม ความจริงอาการของผู้หลักผู้ใหญ่ คนเคยมีบารมีของพรรคเก่าแก่ที่แสดงออกมาช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานั้น คือสัญญาณชัดว่า อย่างไรเสีย หัวหน้าพรรคและคณะที่มี สส.อยู่ในมือ 21 คนต้องมีมติเข้าร่วมรัฐบาลแน่นอน
จึงทำได้เพียงแอ็กชันเพื่อแสดงให้เห็นจุดยืน ซึ่งแท้ที่จริงแล้วคืออคติที่ติดอยู่ในใจมาตลอดกับการไม่ร่วมสังฆกรรมกับพรรคที่เป็นเครือข่ายของ ทักษิณ ชินวัตร ทั้งที่บริบททางการเมืองในปัจจุบัน เป็นที่รู้กันโดยทั่วไป เหตุใดจึงเกิดรัฐบาลพลิกขั้วเช่นนี้ เนื้อหาในเทียบเชิญของเพื่อไทยก็สื่อชัด รัฐบาลที่เกิดขึ้นนั้นเจตนาชัดต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง แสวงหาความร่วมมือเพื่อบ้านเมือง ยิ่งเป็นการแทงใจดำพวกไดโนเสาร์ในพรรคที่ยังคงจมปลักอยู่กับความเกลียดชัง
ไม่ได้เหนือความคาดหมาย เป็นไปตามที่มีการวิเคราะห์ไว้ก่อนหน้า เมื่อยึดโควตาของพลังประชารัฐมาแล้ว 2 เก้าอี้ก็จะคืนให้กับกลุ่มธรรมนัส พ่วงด้วยโควตาคนนอกในสัดส่วนของเพื่อไทยแต่เป็นเด็กในคาถาของผู้กองมันคือแป้ง ขณะที่อีก 2 ตำแหน่งก็เคาะกันไว้หมดแล้ว เฉลิมชัย ศรีอ่อน หัวหน้าพรรคเก่าแก่ไปนั่งว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และ เดชอิศม์ เลขาธิการพรรคไปเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข
ทั้งนี้ เรื่องการเชิญกลุ่มธรรมนัสมาร่วมรัฐบาลนั้น เพื่อไม่ให้มีปัญหาข้อกฎหมายถูกยื่นเอาผิดกับนายกฯ และกระทบชิ่งไปถึงเพื่อไทย ผู้ที่จะมาเป็นรัฐมนตรีตามสัดส่วนหนีไม่พ้น นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม จะมาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในโควตาคนนอก เช่นเดียวกับ อัครา พรหมเผ่า น้องชายผู้กองมันคือแป้งจะเป็นรัฐมนตรีช่วยเกษตรฯ ในโควตาคนนอกของเพื่อไทย ส่วนรายของ อรรถกร ศิริลัทธยากร ก็จะดึงเอา อิทธิ ศิริลัทยากร บิดาของตัวเองที่ลาออกจากพรรคพลังประชารัฐแล้ว มานั่งช่วยเกษตรฯ แทน
บอกแล้วว่า นักเลือกตั้งอาชีพไม่มีทางต้อนให้จนมุมได้ การเดินหมากการเมืองหนนี้ของนายใหญ่ถือเป็นการกินสองต่อ สะใจสองเด้ง เอาคืนพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.อย่างสาสม และตบหน้าจอมหลักการของพรรคเก่าแก่ชนิดที่ไม่รู้จะเอาหน้าไปซุกที่ไหน ส่วนประเด็นที่ว่าจะมีบรรดานักร้องไปยื่นเอาผิดนั้น คงต้องคิดกันให้รอบคอบ เมื่ออำนาจในการเลือกคนเป็นรัฐมนตรีอยู่ที่ผู้ดำรงตำแหน่งนายกฯ แต่เพียงผู้เดียว ไม่เกี่ยวกับว่าพรรคไหนจะมีมติอย่างไร เลขาธิการ กกต.ก็เปิดไฟเขียวมาแต่ไกล เช่นนี้จะเอาผิดได้อย่างไร
หลังจากที่ทุกอย่างชัดเจนแล้ว ครม.แพทองธาร 1 จะเผยโฉมได้ไม่เกินสิ้นเดือนนี้ เพราะไทม์ไลน์ทุกอย่างได้วางไว้หมดแล้ว เพื่อการขับเคลื่อนงานบริหารประเทศ และแก้ไขปัญหาของประชาชนจะได้ดำเนินการได้โดยเร็ว สำหรับรายชื่อรัฐมนตรีในส่วนของเพื่อไทย “เสี่ยอ้วน” ภูมิธรรม เวชยชัย จะเป็นแค่รองนายกฯ เพียงตำแหน่งเดียว เพื่อหลีกทางให้ พิชัย นริพทะพันธุ์ มานั่งว่าการกระทรวงพาณิชย์แทน โดย ชูศักดิ์ ศิรินิล จะเข้ามาเป็นรัฐมนตรีสำนักนายกฯ ดูแลด้านกฎหมายให้รัฐบาล
ขณะที่เลขาธิการพรรคเพื่อไทย สรวงศ์จะนั่งว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำให้ เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช ต้องเล่นบทผู้เสียสละ รัฐมนตรีที่มาใหม่ในส่วนของพรรคแกนนำก็คือ ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ สส.กทม.หนึ่งเดียวของพรรคจะเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย แทน เกรียง กัลป์ตินันท์ ด้านของ สุทิน คลังแสง ยังเหนียวแน่นในเก้าอี้ว่าการกลาโหม แต่หนนี้จะมีน้องรักของอดีตผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจนั่นก็คือ “บิ๊กเล็ก” พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ มาเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการ
ส่วนรัฐมนตรีรายอื่น ๆ ที่เคยอยู่ในรัฐบาลเศรษฐายังคงได้ทำหน้าที่ตามเดิม มีการขยับเฉพาะส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ดันให้ เอกนัฎ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรคนั่งว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม แล้วโยก พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล ไปนั่งรัฐมนตรีช่วยคลัง ซึ่งถือเป็นโควตาเดิมที่ กฤษฎา จีนะวิจารณะ ได้ลาออกไปก่อนหน้านั้น มาพร้อมกับความชัดเจนเรื่อง ครม.แพทองธาร 1 คือการยื่นเอาผิดนายกฯ ของบรรดานักร้องทั้งหลาย ไม่ว่าจะนิรนามหรือเปิดเผยตัวตน สุดท้ายก็หนีไม่พ้นพันอยู่กับคนที่อยากยิ่งใหญ่เหมือนยุคเผด็จการเรืองอำนาจนั่นเอง
อรชุน