“เอเซีย พลัส” คัด 6 หุ้นเด่น ก.ย. เน้นกำไร Q3 โตดี-เป้าฟันด์โฟลว์ไหลเข้า
“บล.เอเซีย พลัส” จัดกลยุทธ์ลงทุนเดือนก.ย.ชู 6 หุ้นเด่นเน้นกำไรไตรมาส 3/67 โตดี-เป้าฟันด์โฟลว์ไหลเข้า พร้อมชี้กรอบการเคลื่อนไหว SET Index ไว้ที่ 1,300-1,400 จุด
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด หรือ ASPS ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มองกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index เดือน ก.ย.67 ไว้ที่ 1,300-1,400 จุด หลังเริ่มเห็นหลายปัจจัยช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย ทั้งถนนการเมืองไทยที่ขรุขระเริ่มราบเรียบขึ้น พร้อมกับนโยบายรัฐบาลเดินหน้าต่อแบบไม่มีสุญญากาศ หนุนให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตแรงจากฐานต่ำ พร้อมกับมี Digital Wallet ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง
ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนประเมินมีโอกาสเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ฝ่ายวิจัยฯ วางเป้าหมายดัชนีปี 2567 อยู่ที่ 1,450 จุด และหากกนง. ลดดอกเบี้ยทุกๆ 1 ครั้ง มีโอกาสยกเป้าหมายดัชนีให้สูงขึ้นไปได้ทีละ 60 จุด กลยุทธ์การลงทุนในเดือนนี้ แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานที่แนวโน้มกำไรไตรไตรมาส 3/67 เด่น CKP, PR9 และหุ้นใหญ่เป้าหมายฟันด์โฟลว์ อาทิ AOT, CPALL, INTUCH, MTC
โดยเดือน ก.ย. เริ่มนโยบายการเงินโลกผ่อนคลายแบบเต็มสูบ โดยเฟดอาจลดดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบ 4 ปีครึ่ง และน่าจะลด 0.75-1% ในช่วงเวลาที่เหลือของปี เหลือ 4.5% – 4.75% หนุนให้ค่าเงินเอเชียและบาทแข็งค่าขึ้น และเม็ดเงินมีโอกาสไหลเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ส่วนประเด็นสำคัญที่ต้องติดตามช่วงต้นเดือน รอดูตัวเลขภาคตลาดแรงงาน ณ 6 ก.ย. ถ้าอัตราการว่างงานใน เดือน ส.ค.67 ออกมาตามตลาดคาด 4.2% จะทำให้ตัวชี้นำ Recession อย่าง SAHM RULE ช่วง Mini Black Monday 0.53% เพิ่มขึ้นเป็น 0.57% ได้ รวมถึงรอติดตามการดีเบตของว่าที่ปธน. สหรัฐคนใหม่ใน 10 ก.ย. นี้
ด้านปัจจัยในประเทศถนนการเมืองไทยที่ขรุขระเริ่มราบเรียบขึ้น พร้อมกับนโยบายรัฐบาลเดินหน้าต่อแบบไม่มีสุญญากาศ โดยงบประมาณปี 67 และ 68 ไม่สะดุด หนุนให้เศรษฐกิจไทยมีโอกาสเติบโตแรงจากฐานต่ำคาด GDP ครึ่งหลังปี 2567 เติบโต 3.5% (เทียบ GDP ครึ่งแรกปีนี้ +1.9%) พร้อมกับมี Digital Wallet ช่วยเสริมความแข็งแกร่ง
ส่วนความเสี่ยงในเดือนนี้ต้องติดตามสถานการณ์น้ำท่วมอย่างใกล้ชิด โดยล่าสุดเห็นว่าน่าจะไม่ได้น่ากลัวเหมือนปี 2554 เพราะปริมาณน้ำในเขื่อนและปริมาณน้ำฝน ยังน้อยกว่าปี 2554 มาก ขณะที่กำไรบริษัทจดทะเบียนครึ่งแรกปี 2567 อยู่ที่ 5.3 แสนล้านบาท เติบโต 3.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ขณะที่กำไรช่วงครึ่งหลังปี 2567 ประเมินมีโอกาสเติบโตตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ 27% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน และจากฐานครึ่งหลังปี 2566 ที่ต่ำ 4.6 แสนล้านบาท ส่วนฟันด์โฟลว์เป็นอีกหนึ่งความหวังที่จะเป็นโมเมนตัมไหลเข้าต่อเนื่อง ทั้งจากสถาบันในประเทศที่มีแรงเสริมจากกองทุน TESG ใหม่ และกองทุนวายุภักษ์ใหม่ และนักลงทุนต่างชาติที่ทยอยซื้อหุ้นไทยต่อจากโอกาสเกิด Recession ลดลง, การฟื้นตัว เศรษฐกิจชัดขึ้น รวมถึงค่าเงินบาทมีโอกาสแข็งค่าจากส่วนต่าง ดอกเบี้ยสหรัฐและไทยค่อยๆ แคบลง หนุนให้นักลงทุนต่างชาติได้ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มเติม
ในมุม Valuation ตลาดหุ้นไทยถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะล่าสุดมี MEYG (Market Earning Yield Gap) 4.3% สูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 3.9% และสูงกว่าตลาดหุ้นอินโดนีเซีย มี MEYG 0.7% และฟิลิปินส์ 2.1% เท่านั้น และในมุมอัพไซด์ฝ่ายวิจัยฯ วางเป้าหมายดัชนีปี 2567 อยู่ที่ 1,450 จุด และหากกนง.ลด ดอกเบี้ยทุกๆ 1 ครั้ง มีโอกาสยกเป้าหมายดัชนีให้สูงขึ้นไปได้ทีละ 60 จุด ภาพรวมเดือนก.ย. ประเมิน SET Index เคลื่อนไหวในกรอบ 1,300-1,400 จุด กลยุทธ์การลงทุน แนะนำสะสมหุ้นพื้นฐานที่แนวโน้มกำไรไตรมาส 3/67 เด่น CKP, PR9 และหุ้นใหญ่เป้าหมายฟันด์โฟลว์ อาทิ AOT, CPALL, INTUCH, MTC