5 แบงก์ตีปีก! รับลูก “ธปท.” ปรับเกณฑ์ “กู้ร่วม” สินเชื่อรถยนต์

นายฐากร ปิยะพันธ์ ผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB เปิดเผยว่า กรณีธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อยู่ระหว่างแก้ไขประกาศหลักเกณฑ์การให้สินเชื่ออย่างรับผิดชอบ (Responsible Lending) ในส่วนของการให้สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ โดยพิจารณาปรับปรุงให้ผู้กู้สามารถกู้ร่วมกับบุคคลในครอบครัว หรือเครือญาติได้ และมีผลบังคับใช้ภายในปี 2567 นั้น

โดยกรณีดังกล่าวสามารถใช้ได้กับทั้งรถใหม่ รถมือสอง และรีไฟแนนซ์ อย่างไรก็ดีในส่วนของการรีไฟแนนซ์รถยนต์ ซึ่งประเด็นนี้ต้องดูว่าสินเชื่อปัจจุบันเป็นสินเชื่อที่มีผู้ค้ำอยู่หรือไม่ เพราะก่อนมีเกณฑ์ Responsible Lending ทางสถาบันการเงินมีการปล่อยสินเชื่อโดยมีผู้ค้ำประกันโดยที่ไม่ได้เป็นกลุ่มเครือญาติ ดังนั้นหากลูกค้าต้องการรีไฟแนนซ์ ทางธนาคารจะพิจารณาก่อนว่ารายได้ผู้กู้เพียงพอหรือไม่ หากพบว่ามีรายได้ที่เพียงพออาจไม่ต้องมีผู้กู้ร่วมก้ได้

ส่วนกรณีที่มีรายได้ไม่พอแล้ว ต้องมาดูว่าสินเชื่อเดิม (จากธนาคารเก่า) เป็นแบบผู้ค้ำอยู่หรือไม่ แล้วเป็นเครือญาติหรือเปล่า ถ้าเป็นเครือญาติก็ทำได้

“เกณฑ์นี้ปกติสถาบันการเงินใช้กันอยู่แล้ว แต่ด้วยเกณฑ์ใหม่จะตีวงแคบลงเฉพาะเครือญาติ แต่ที่ผ่านมาอาจมีการอนุญาตบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เครือญาติได้ ซึ่งถ้าใครทำแบบผู้ค้ำอยู่แล้วไม่น่าจะกระทบ แต่จะเป็นผลดีกับสถาบันที่ไม่เคยมีนโยบายผู้ค้ำ ดังนั้นจึงมองว่าจะเป็นประโยชน์” นายฐากร กล่าว

ด้านนายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ผู้ประกอบการธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ ทั้งสถาบันการเงินและนอนแบงก์ รวมถึงสมาคมธนาคารไทยและสมาคมธุรกิจเช่าซื้อ ได้ร่วมกันนำเสนอข้อเท็จจริงและข้อติดขัดต่าง ๆ ให้ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รับทราบ

โดยทางธปท.เข้าใจกับสถานการณ์ดี จึงได้มีการปรับเปลี่ยนแนวทางปฏิบัติดังกล่าวให้ยืดหยุ่นมากขึ้น ซึ่งหากได้ไปรับการผ่อนปรนฯ จะเป็นผลดีต่ออุตสาหกรรมการเงิน ทั้ง “แบงก์” และ “นอนแบงก์” ค่อนข้างมาก แต่ไม่ได้หมายความว่าจะช่วยให้พอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์กลับมาเติบโตคึกคักอย่างมีนัยยะ เพราะยังต้องขึ้นอยู่กับเศรษฐกิจไทยด้วย

“หากเศรษฐกิจดีขึ้น คนไทยมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง จะทำให้มีพอร์ตสินเชื่อเติบโตได้ดี อย่างไรก็ดีการให้มีการกู้ร่วมในกลุ่มเครือญาติครั้งนี้ เบื้องต้นคาดว่าจะช่วยให้ยอดการอนุมัติของสถาบันการเงินหายไปประมาณ 3-5% ให้กลับคืนมาได้ จึงถือเป็นผลดีต่อตัวสถาบันการเงิน” นายศักดิ์ชัย กล่าว

สำหรับเกณฑ์การให้กู้ร่วมฯ ครั้งนี้ โดยหลักเกณฑ์ของกฎหมายเช่าซื้อมั่นใจว่าน่าจะใช้มาตราฐานเดียวกัน สามารถใช้ได้ทั้งกับรถมือสอง รถยนต์ใหม่ รวมถึงการรีไฟแนนซ์ด้วย

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า จากข่าวธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เตรียมปรับเกณฑ์กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ผู้กู้สามารถกู้ร่วมกับบุคคลในครอบครัวหรือเครือญาติได้ จะมีผลภายในปีนี้นั้น ทางบล.ดาโอ มีมุมมองเป็นบวกต่อกลุ่มธนาคาร เพราะจะช่วยให้มีการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มมากขึ้น โดยคาดการผ่อนปรนให้มีการกู้ร่วมได้ในสินเชื่อรถยนต์ (เหมือนสินเชื่อบ้านที่มีอยู่แล้ว) จะช่วยให้กลุ่มธนาคารมีการปล่อยสินเชื่อเช่าซื้อเพิ่มได้มากขึ้น เพราะหลักเกณฑ์ที่ในปัจจุบันสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใช้อยู่ไม่สามารถให้กู้ร่วมได้

“การปรับปรุงหลักเกณฑ์นี้เป็นไปตามข้อเรียกร้องของผู้ประกอบธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ เพื่อให้ผู้กู้สามารถได้รับการอนุมัติเงินสินเชื่อได้มากขึ้น ส่งผลดีต่อธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ รวมถึงอุตสาหกรรมรถยนต์” บล.ดาโอ ระบุ

ขณะเดียวกัน ธนาคารที่มีสินเชื่อเช่าซื้อเรียงตามสัดส่วนสินเชื่อเช่าซื้อจากมากไปน้อย คือ ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP (48% ของสินเชื่อรวม), บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO (46% ของสินเชื่อรวม), ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB (30% ของสินเชื่อรวม), ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY (21% ของสินเชื่อรวม), บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB (7% ของสินเชื่อรวม)

ทั้งนี้ คงน้ำหนักการลงทุนเป็น “เท่ากับตลาด” โดยเลือกธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 21 บาท และธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 155 บาท เป็นหุ้นเด่น แต่ KKP, TISCO และ TTB จะได้ sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้นจากประเด็นดังกล่าว

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ให้มุมมองเพิ่มว่า อิงจากข่าวที่ธนาคารแห่งประเทศไทยเตรียมปรับเกณฑ์กลุ่มสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ให้ผู้กู้สามารถกู้ร่วมกับบุคคลในครอบครัวหรือเครือญาติได้ โดยมีผลภายในปี 2567 มองจิตวิทยาบวกต่อหุ้นธนาคารที่เน้นปล่อยเช่าสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ อาทิ KKP และ TISCO