KGEN บ้านใหม่ ‘หลิน เข่อนัว’
จากโศกนาฏกรรมหุ้นบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX จนกลายเป็นซากรถเก่า ราคาดิ่งเหว ฟลอร์แล้วฟลอร์เล่า
จากโศกนาฏกรรมหุ้นบริษัท เน็กซ์ พอยท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NEX จนกลายเป็นซากรถเก่า ราคาดิ่งเหว ฟลอร์แล้วฟลอร์เล่า จากช่วงเดือน เม.ย. 2567 ราคาอยู่ที่ 9 บาทเศษ มาวันนี้กลายเป็นหุ้นไม่เต็มบาทไปแล้ว…ในแง่ธุรกิจก็มีปัญหา ไม่สามารถส่งมอบรถได้ตามแผน ตามมาด้วยปัญหาทางการเงิน ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก เห็นได้จากงบไตรมาส 2/2567 พลิกไปขาดทุนบักโกรก 255.60 ล้านบาท
พอราคาหุ้น NEX ร่วงหนัก ก็ทำให้ “คณิสสร์ ศรีวชิระประภา” หรือชื่อเดิม Lin Kenuo (หลิน เข่อนัว) จากที่เคยเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 ถูกบังคับขายหุ้น หรือฟอร์ซเซล ทุกรูปแบบ จนทำให้วันนี้หลุดจากทำเนียบผู้ถือหุ้นใหญ่ และไม่ปรากฏชื่อเป็นผู้ถือหุ้น 13 อันดับแรกแล้ว
จากวันนั้นถึงวันนี้ สิ่งที่เปลี่ยนคือตัวหลิน เข่อนัว ซึ่งปรากฏเป็น 1 ใน 4 ผู้ที่ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง หรือ PP จากบริษัท คิง เจน จำกัด (มหาชน) หรือ KGEN จำนวน 85 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 2 บาท คิดเป็นมูลค่า 170 ล้านบาท
นอกจาก “หลิน เข่อนัว” แล้ว อีก 3 รายชื่อที่มาซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ KGEN ก็น่าสนใจ ซึ่งมีทั้งนิติบุคคลและบุคคล เริ่มที่ “บริลเลียนท์ สโตนส์ เทรดดิ้ง พีทีอี. แอลทีดี.” (Brilliant Stones Trading Pte. Ltd.) หรือ BST เป็นบริษัทที่จัดตั้งในประเทศสิงคโปร์ แต่มีนักธุรกิจหญิงไทย “ปานชนก จิตชินะกุล” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวน 160 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 320 ล้านบาท
ถัดมาเป็น “ธนัช ปวรวิปุลยากร” คนนี้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท เพาเวอร์ โซลูชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ PSTC ได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มจำนวน 155 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 310 ล้านบาท
และ “เอนก ปิ่นวนิชย์กุล” ว่ากันว่าเป็นผู้คร่ำหวอดและมีประสบการณ์ฟื้นฟูกิจการหลายมิติ ซึ่งเคยได้เทียบเชิญให้มาพลิกฟื้น NEX ให้เทิร์นอะราวด์ในช่วงปี 2563 มาแล้ว โดยได้รับการจัดสรรหุ้นเพิ่มจำนวน 100 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่า 200 ล้านบาท
หลังจากการซื้อหุ้นเพิ่มทุนแล้ว จะทำให้โครงการผู้ถือหุ้น KGEN เปลี๊ยนไป๋…โดย “บริลเลียนท์ สโตนส์ เทรดดิ้ง พีทีอี. แอลทีดี.” เข้ามาถือหุ้นใหญ่อันดับ 5 ในสัดส่วน 7.44% ด้าน “ธนัช ปวรวิปุลยากร” จะถือหุ้นใหญ่อันดับ 3 ในสัดส่วน 7.67% ฟาก “เอนก ปิ่นวนิชย์กุล” ถือหุ้นใหญ่อันดับ 8 ในสัดส่วน 4.67% และ “หลิน เข่อนัว” จะถือหุ้นใหญ่อันดับ 10 ในสัดส่วน 4.43%
ส่วนเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนครั้งนี้จำนวน 1,000 ล้านบาท ชัดเจนว่า KGEN จะนำไปลงทุนในบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด (OJMT) และบริษัท โอโมดา แอนด์ เจคู (ประเทศไทย) จำกัด (OJST) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนภายใต้โครงการร่วมทุนกับ “เชอรี่ ออโตโมบิล คัมปะนี ลิมิเต็ด” (Chery Automobile Co. Ltd) หรือ Chery Group เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายรถยนต์รายใหญ่ของจีน ภายใต้แบรนด์ OMODA และ JAECOO รวมถึงแบรนด์อื่น ๆ
ด้วยการส่งบริษัทลูกที่ชื่อ บริษัท คิง เจน ออโต จำกัด (KGA) ไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน OJMT สัดส่วน 60% และซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน OJST สัดส่วน 25% รวมมูลค่าทั้งสิ้น 1,261.87 ล้านบาท ภายในปี 2567 นี้
อ้อ…เงินที่ยังขาดอยู่ 200 กว่าล้านบาท KGEN บอกว่าจะใช้เงินทุนหมุนเวียนของบริษัท และไปกู้แบงก์
โดยเป้าหมายของ KGEN จะควงแขนพันธมิตร Chery Group ลงทุนสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ไฟฟ้าพวงมาลัยขวาในบ้านเรา เพื่อบุกตลาดรถยนต์ไฟฟ้าและยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยและต่างประเทศ
ก็เป็นโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจนะ…
เบื้องต้นเชื่อว่า “หลิน เข่อนัว” คงเป็นหนึ่งในคีย์แมนที่จะมาปลุกปั้นรถยนต์ไฟฟ้าของ KGEN แหละ…
เพราะถ้าพูดถึง “หลิน เข่อนัว” ทุกคนจะนึกถึง “เบสท์รินกรุ๊ป” กับมหากาพย์ประมูลรถเมล์เอ็นจีวี 489 คันของขสมก. เกิดการฟ้องร้องอีนุงตุงนัง มาสู่ NEX ถึงปัจจุบัน KGEN…
แต่จะเป็นฝันที่เป็นจริง..?? หรือกลายเป็นฝันร้ายอีกครั้ง..??
ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ละกัน…
…อิ อิ อิ…