FM ปักธงรายได้ปีนี้โต 25% กำลังผลิตเพิ่ม รับออเดอร์ไก่แปรรูปพุ่ง เร่งปิดดีล “อาหารสัตว์”
FM วางเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 20-25% เร่งขยายกำลังผลิตต่อเนื่อง รองรับออเดอร์ไก่แปรรูปเพิ่มขึ้น แย้มเตรียมปิดดีลอาหารสัตว์เลี้ยงในปลายปีนี้ – ต้นปีหน้า ยันผู้ถือหุ้นใหญ่ และนอร์ทเฮเว่น ไทยฯ ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนเดิม มั่นใจศักยภาพแกร่ง
นายณัฐพล ดุษฎีโหนด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ฟู้ดโมเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ FM เปิดเผยว่า แนวโน้มครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไตรมาส 3/67 ยอดการผลิตเพิ่มขึ้นจากไตรมาส 2/67 จากการผลิตในส่วนของไก่แปรรูปปรุงสุก ซึ่งบริษัทมั่นใจในไตรมาส 3/67 ทำได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ ส่วนไตรมาส 4/67 ประเมินสถานการณ์ ยังคงสามารถส่งมอบจากสามไตรมาสแรกตามเป้าหมาย หรือดีกว่าเป้าหมายที่คาดไว้ ซึ่งหากรวมกับไตรมาส 4/67 ไปแล้วมองว่าทั้งปี 67 จะเป็นปีที่สดใส
ขณะที่ปัจจุบันสัดส่วนในประเทศอยู่ที่ 50% และต่างประเทศอยู่ที่ 50% โดยหลักที่เห็นความชัดเจน คือ ประเทศยุโรป หลังจากครึ่งปีแรกบริษัทเติบโตเกือบ 2 เท่า ยังคงเห็นสัญญาณชัดเจนในไตรมาส 3/67 ไปจนถึงไตรมาส 4/67
ทั้งนี้ วางเป้าหมายผลการดำเนินงานปีนี้เติบโตเป็นตัวเลขสองหลัก (2 digit) จากปีก่อน จากกลยุทธ์การขยายกำลังการผลิต ด้วยการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดการณ์รายได้ปีนี้เติบโต 20-25% จากปีก่อนประมาณ 5,800 ล้านบาท มาเป็น 6,900-7,000 ล้านบาท ขณะที่คาดการณ์รายได้ปี 68 เติบโต 10-15% จากสายการผลิตเดิมและเพิ่มไลน์การผลิตใหม่ของโรงงานแปรรูปไก่ปรุงสุก และโรงเชือดและชำแหละไก่ รวมทั้งการลงทุนในธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยง
โดยล่าสุดอยู่ระหว่างการเจรจารูปแบบการลงทุนธุรกิจอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อสร้าง New Growth มองกำลังการผลิตอาหารสัตว์เลี้ยง 2,000 ตันต่อเดือน คาดจะสร้างยอดขายไม่เกินปีละ 1,000 ล้านบาท คาดว่าจะได้ข้อสรุปในปลายปี 67 ถึงต้นปี 68 โดยเบื้องต้นจะเข้าถือหุ้นราว 25-30% ซึ่งบริษัทได้กันเงินลงทุนส่วนหนึ่งจากการเสนอขายหุ้น IPO ที่ระดมทุนได้ 250 ล้านบาทไว้แล้ว
โดยปีนี้บริษัทเน้นกลุ่มฐานลูกค้าใหม่รายใหญ่ อย่างประเทศเกาหลี ซึ่งสินค้าไปได้ทั่วโลก เริ่มเห็นแผนครึ่งปีหลัง ส่วนเช่นเดียวกันแผนของปีหน้าก็จะเป็นลูกค้าญี่ปุ่นยังอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะเป็นโปรเจกต์ที่เข้ามาผลิตส่งมอบปีหน้า ส่วนลูกค้ารายเดิมบริษัทยังคงดูแลและรักษาเติบโตแบบออร์แกนิก โดยจะเห็นยุโรปจากลูกค้าเดิมประมาณ 70%
ขณะที่ ณ สิ้นเดือน มิ.ย.67 บริษัทมีลูกค้าส่งออกยุโรปสัดส่วนอยู่ที่ 40% และญี่ปุ่นมีสัดส่วนอยู่ที่ 8% ส่วนจีนสัดส่วนอยู่ที่ 19% และมาเลเซียสัดส่วนอยู่ที่ 13% อย่างไรก็ดีบริษัทตั้งเป้ากลยุทธ์แผนระยะยาวสัดส่วนลูกค้ายุโรปที่ 35% และญี่ปุ่นอยู่ที่ 35% ส่วนที่เหลือเป็นตลาดอื่นๆ อย่างเช่น จีน และมาเลเซีย ส่วนอัตราการแลกเปลี่ยนหลังจากที่ค่าเงินบาทแข็งค่าอาจจะมีผลกระทบเล็กน้อย
อย่างไรก็ดี กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งครอบครัวดุษฎีโหนด และกองทุน นอร์ทเฮเว่น ไทย ไพรเวท อิควิตี้ โดมินิค คอมปานี (ฮ่องกง) (นอร์ทเฮเว่น ไทยฯ) ยังคงถือหุ้น FM และพร้อมที่จะถือลงทุนระยะยาว เพราะเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตที่ดี โดยจากภาพรวมธุรกิจไก่แปรรูปปรุงสุกส่งออกของประเทศไทยมีมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับหนึ่งของโลก และตลาดมีการขยายตัวทุกปี รวมทั้งมีแผนการขยายธุรกิจที่ชัดเจนในการสร้างการเติบโตต่อเนื่อง
โดยจากการปิดสมุดทะเบียนรายชื่อผู้ถือหุ้นเดือนสิงหาคม 2567 พบว่า “นอร์ทเฮเว่น ไทย ฯ ยังคงถือหุ้นในสัดส่วนเท่าเดิมเพราะเชื่อมั่นในธุรกิจ ที่มีการเติบโตต่อเนื่องมาโดยตลอด
นอกจากนี้บริษัทมีแผนตั้งเป้า 3 ปี มีกำลังผลิตไก่แปรรูปและโรงชำแหละจะเพิ่มขึ้นประมาณ 30-33% แบ่งเป็นเฟส 1 ไก่แปรรูปปรุงสุกคาดว่าจะมีการลงทุนล็อตแรกภายในไตรมาส 3/67 ส่งผลให้มีกำลังผลิตอยู่ที่ 10-15% โดยคาดการณ์จะมีการ COD ประมาณไตรมาส 2/68 จะทำให้กำลังการผลิตของไก่แปรรูปเพิ่มขึ้น 10-15% จะทำให้อยู่ที่ประมาณ 30,000 ตันต่อปี จากเดิมอยู่ที่ 27,000 ตันต่อปี
สำหรับไก่ชำแหละด้วยกำลังผลิตของไก่ปรุงสุกที่เพิ่มขึ้น อาจจะมีการลงทุนในปีหน้า ที่จะช่วยทำให้กำลังการผลิตขึ้นมาพอดีในเฟส 2 ส่วนเฟส 2 ของไก่แปรรูปอาจจะเป็นเรื่องการขยายไลน์ใหม่ โดยอยู่ระหว่างช่วงพิจารณาในการศึกษาอยู่ คาดว่าจะมีการลงทุนช่วงกลางปีหน้า ส่งผลให้มีกำลังผลิตเพิ่มได้อีก 6,000 ตันต่อปี แต่ COD อาจจะเป็นช่วงไตรมาส 1/69 และไตรมาส2/69 วงเงินประมาณ 300 ล้านบาท โดยจะมีการ COD ไตรมาส 2/68 เป็น 30,000 ตันต่อปีจากเดิม 27,000 ขึ้นมาเป็น 10-15%
“หลังจากที่ได้เม็ดเงินจากการระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์ ก็เดินหน้าตามแผนการขยายกำลังการผลิตทันที เพราะออเดอร์เข้ามาต่อเนื่อง ตอนนี้ไลน์การผลิตที่ 5 กำลังการผลิตกว่า 70% ซึ่งเป็นทิศทางที่ดีตามแผนที่วางไว้ โดยบริษัทฯ เตรียมขยายกำลังการผลิตไก่แปรรูปปรุงสุกเพิ่มขึ้น 30% จากปัจจุบันอยู่ที่ 27,600 ตันต่อปีเป็น 36,000 ตันต่อปีในปี 2569 ส่วนผลิตภัณฑ์ไก่ชำแหละเพิ่มขึ้น 25% จากปัจจุบันมีกำลังการผลิต 144,000 ตัวต่อวันเป็น 180,000 ตัวต่อวันในปี 2569 โดยมีการวางงบลงทุนอยู่ที่ 350 ล้านบาท” นายณัฐพล กล่าว
ด้าน นายสุเมธ มาสิลีรังสี ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงิน FM กล่าวว่า บริษัทฯเชื่อมั่นว่าผลประกอบการจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ทั้งรายได้และผลกำไร เนื่องจากภาพรวมอุตสาหกรรมที่เติบโต เป็นช่วงขาขึ้น ราคาขายไก่ดิบมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น รวมทั้งแนวโน้มออเดอร์ที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้าเดิมและลูกค้ารายใหม่สนับสนุน
นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากนักลงทุนสถาบันในประเทศ แสดงความสนใจในการเข้าลงทุน สอบถามรายละเอียดข้อมูลธุรกิจ สะท้อนถึงศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่ง ความชัดเจนแผนการดำเนินงานและเป้าหมายธุรกิจที่วางไว้