พาราสาวะถี
เปลี่ยนฤกษ์จากวันนี้ เป็นการเข้ากราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลไปเมื่อวานนี้ สำหรับ แพทองธาร แต่วันนี้ยังคงจะมีการประกอบพิธีทำบุญพระสงฆ์เหมือนเดิม
เปลี่ยนฤกษ์จากวันนี้ (13 กันยายน) เป็นการเข้ากราบไหว้สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาลไปเมื่อวานนี้ สำหรับ แพทองธาร ชินวัตร แต่วันนี้ยังคงจะมีการประกอบพิธีทำบุญพระสงฆ์เหมือนเดิม ส่วนการเข้าทำงานอย่างเป็นทางการนั้นยืนยันยังเป็นวันจันทร์ที่ 16 กันยายน อย่างที่เห็นสถานการณ์เฉพาะหน้ารอเวลาไม่ได้ เหมือนที่นายกรัฐมนตรีหญิงเรียกประชุมรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันทีหลังแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เพื่อติดตาม สั่งการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดเชียงราย-เชียงใหม่
ทั้งที่ ต้องรอกระบวนการแถลงนโยบายก่อนเพื่อไม่ให้มีปัญหาข้อกฎหมาย ยังถูกค่อนขอดจากฝ่ายตรงข้าม พวกไม่หวังดีว่าผู้นำประเทศไม่แยแสต่อความเดือดร้อนของประชาชนผู้ประสบภัย โดยที่ความเป็นจริงฝ่ายข้าราชการประจำทั้งปลัดกระทรวงมหาดไทย และทหารทุกหน่วย ต่างระดมสรรพกำลังไปดูแลประชาชนตั้งแต่วันแรก สำหรับระดับนโยบายนั้น ที่จะทำได้คือประเมินสถานการณ์ว่าวิกฤตขนาดไหน การประสบภัยของประชาชนจะกินเวลานานเท่าใด
จากนั้นจึงเป็นเรื่องของการสั่งการ หากมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องขอความเห็นจากคณะรัฐมนตรี ก็สามารถเรียกประชุมเป็นกรณีพิเศษได้ พวกที่เรียกร้องให้แพทองธารลงพื้นที่ทันทีนั้น ต้องมองถึงข้อดีข้อเสียประกอบด้วย ไปแล้วได้แค่สร้างขวัญและกำลังใจให้ผู้เดือดร้อน แถมคะแนนเสียงทางการเมือง แต่เป็นภาระ และทำให้การช่วยเหลือประชาชนของเจ้าหน้าที่มีปัญหา ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเร่งรีบขนาดนั้น การเมืองก็เป็นแบบนี้ ไม่ว่าจะเลือกทำด้านไหนก็ไม่พ้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์
ขณะที่การแถลงนโยบายของรัฐบาลนั้น ในส่วนเนื้อหาก็เป็นไปตามที่ปรากฏเป็นข่าวไปก่อนแล้ว นายกฯ หญิงเพียงเน้นย้ำถึงเรื่องเร่งด่วน 10 ด้านที่รัฐบาลจะเร่งดำเนินการ ขณะเดียวกัน ก็มีบางวรรคตอนที่น่าสนใจในถ้อยแถลงดังกล่าว โดยเฉพาะการขอให้ความมั่นใจว่าตนเองจะตั้งใจบริหารราชการแผ่นดิน ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดประโยชน์ประชาชน และประเทศ โดยจะสร้างโอกาสเท่าเทียม ให้คนไทยมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี เพื่อพาความภาคภูมิใจกลับมาสู่ประเทศ
ไม่เพียงเท่านั้น การประกาศแนวทางในการทำงานของอุ๊งอิ๊งที่ทำให้ต่างออกไปจากฝ่ายตรงข้ามที่เป็นคู่แข่งสำคัญ นั่นก็คือ การมุ่งมั่นพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ สร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับการปฏิบัติพระราชกรณียกิจของสถาบันพระมหากษัตริย์ และดำเนินงานตามแนวพระราชดำริอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมสถาบันศาสนาให้เป็นกลไกในการสร้างคุณธรรมและจริยธรรมในการดำเนินชีวิต
ทำให้เห็นว่า ปัจจัยที่ทำให้พรรคเพื่อไทยสามารถพลิกขั้วมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลได้ มาจากความไม่สุดโต่งนั่นเอง ต้องเข้าใจและยอมรับกันว่า แม้จะไม่ได้อยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการแล้ว แต่ฝ่ายอนุรักษนิยมก็ยังคงมีพลังในการที่จะสนับสนุนเพื่อให้ฝ่ายกุมอำนาจซึ่งเป็นที่พอใจ สามารถเดินบนเส้นทางการเมืองตามกรอบที่เหมาะสมได้ การล่มสลายของรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร จนมาถึง ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ชี้ให้เห็นแล้วว่าขบวนการต่อต้านมีที่ไปที่มาซึ่งไม่ปกติ
ไม่ว่าจะม็อบมีเส้นหรือม็อบนกหวีด ล้วนแต่มีผู้อยู่เบื้องหลัง แต่ปัจจุบันพฤติกรรมในลักษณะนั้นไม่ได้มีอยู่อีกต่อไป พรรคการเมืองและนักเลือกตั้งที่เข้าใจบริบทความเป็นไปย่อมรู้ดีว่า ควรจะวางกรอบนโยบาย และแนวทางในการขับเคลื่อนกันอย่างไร กระแสหรือความนิยมทางการเมืองต่อให้มีผู้สนับสนุนมากขนาดไหน ทว่าไม่สามารถชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลายได้ หรือแม้แต่ชนะแล้วก็ไม่มีใครการันตีว่าจะได้เข้าสู่อำนาจบริหารหรือไม่ หากยังยึดแนวทางที่สุดโต่ง
แทบจะไม่ต้องสงสัย หรืออาจต้องบอกว่า คนที่ยอมรับความจริง และความเป็นไปของประเทศนี้ได้ ย่อมเข้าใจกันดีว่า การเข้ามาบริหารประเทศภายใต้การนำของเพื่อไทยนั้น เบื้องหลังแทบไม่ต้องอธิบายหรืออ้างคุณแหล่งข่าวว่ามีที่มาที่ไปอย่างไร ตั้งแต่ที่ทักษิณได้กลับประเทศกระทั่งพ้นโทษมาถึงทุกวันนี้ ก่อนจะถูกลากเอาไปเป็นตัวละครเล่นงานรัฐบาลและพรรคแกนนำด้วยข้อหา “ครอบงำ” ลำพังความเป็นอดีตนายกฯ ที่ได้รับความนิยมสูงสุดและมหาเศรษฐีไม่สามารถที่จะทำแบบนี้ได้
เช่นเดียวกับการที่แพทองธารพร้อมรับเผือกร้อน ด้วยการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำประเทศทันทีหลังการถูกสอยของ เศรษฐา ทวีสิน เหล่านี้หากไม่มั่นใจแบบสุด ๆ ว่า ลูกสาวคนเล็กของตระกูลจะอยู่รอดปลอดภัย คงไม่มีใครกล้าที่จะทุ่มเดิมพันที่ต้องแลกกับอนาคตทั้งชีวิตของลูกหัวแก้วหัวแหวนพร้อมครอบครัว เพียงเพื่อหวังที่จะได้กุมอำนาจทางการเมืองอย่างแน่นอน นั่นจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่อุ๊งอิ๊งบอกให้นักข่าวช่วยนับวันด้วยว่าการถูกปรามาสจะอยู่ในเก้าอี้ไม่ถึงปีนั้นจริงอย่างที่ว่ากันหรือไม่
บริบทการเมืองนาทีนี้ไม่ได้อยู่ที่ว่า ระบอบทักษิณฟื้นคืนชีพ ยังมีพวกเกลียดชังออกมาเคลื่อนไหว หรือนักร้องใครต่อใครพากันไปยื่นเอาผิดแพทองธาร แล้วปลายทางจะต้องมีจุดจบเหมือนก่อนหน้า นั่นเป็นการแบ่งข้างกันเพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง แต่ปัจจุบันมีการแยกฝ่ายโดยใช้ภาษาทางความมั่นคงเป็นตัวชี้วัด ใครที่สั่นคลอนต่อความมั่นคงที่ถือเป็นเสาหลักของชาติ ย่อมเป็นฝ่ายที่ต้องถูกจำกัดไม่ว่าจะทางหนึ่งทางใด ยุคสมัยนี้ไม่มีการพูดถึงการกำจัดเพื่อไม่ให้เป็นเสี้ยนหนามเหมือนในอดีตแล้ว ดังนั้น ใครที่ว่านายกฯ หญิงกำลังเผชิญกับนิติสงครามน่าจะไม่ถูกต้อง
เมื่อฝ่ายที่ดูแลด้านความมั่นคง ผนวกเข้ากับ อำนาจที่ทรงพลัง มองเห็นว่าฝ่ายไหนคือปฏิปักษ์ ฝ่ายไหนคือผู้อุ้มชู ค้ำยันให้บ้านเมืองเกิดความผาสุก ไม่ทำให้เกิดการแตกแยก หรือเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดิน ฝ่ายนั้นย่อมได้รับการสนับสนุน ส่วนเรื่องการเล่นงานกันทางการเมืองเป็นสิทธิ์ที่จะสามารถทำกันได้ตามกรอบ หรือช่องทางที่มีอยู่ สุดท้ายผู้ที่จะตัดสินหากยังอยู่ภายใต้อำนาจเผด็จการอาจเหมารวมทุกคน ทุกฝ่ายที่สั่นคลอนต่อเสถียรภาพของตัวเอง แต่เมื่อเป็นรัฐบาลผสมที่มีเป้าหมายเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ฝ่ายที่เป็นภัยต่อความมั่นคงเติบโต ผลที่ตามมาจากสิ่งที่เรียกว่านิติสงครามจึงย่อมแตกต่างกัน
อรชุน