ดักเก็บ “หุ้นโรงพยาบาล” รับผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่พุ่ง! ชู BH-PR9 ท็อปพิก

ดักเก็บ “หุ้นโรงพยาบาล” รับยอดผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่พุ่ง! ชู BH- PR9 ท็อปพิก ลุ้นงบไตรมาส 3/67 โตเด่น


บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า จำนวนผู้ป่วยใช้หวัดใหญ่ในประเทศไทยยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นขึ้นใน ไตรมาส 3/67 ซึ่งเป็นไปตามแนวโน้มจากปี 2567 ตามข้อมูลจากกรมควบคุมโรค (DOC) จำนวนผู้ป่วยใช้หวัดใหญ่นับถึงถึงปัจจุบันของไตรมาสเพิ่มขึ้น 230% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2566 สัดส่วนผู้ป่วยยังคงกระจุกตัวในกลุ่มเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี โดยคาดว่าจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่เพิ่มสูงขึ้นจะช่วยสนับสนับสนุนปริมาณผู้ป่วยนอก(OPD) และผู้ป่วยใน (IPD) ในไตรมาส 3/67

สำหรับผู้ประกอบการต้านการดูแลสุขภาพทั้งหมดของเราเกี่ยวกับสถานการณ์น้ำท่วมในจังหวัดเชียงราย บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH และบริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM ยังคงสามารถดำเนินการโรงพยาบาลในพื้นที่ได้ แม้ว่าจะได้รับผลกระทบบางส่วนในด้านปริมาณผู้ป่วย  อย่างไรก็ตามผลกระทบควรจะอยู่ในระดับต่ำ เนื่องจากแต่ละบริษัทมีเพียง 1 สาขาในเชียงรายเท่านั้น เมื่อเทียบกับเครือข่ายทั้งหมดของพวกเขาที่มี 58, 16 และ 19 โรงพยาบาลตามลำดับ

ทั้งนี้หุ้นแนะนำของคือ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH สำหรับแนวโน้มอัตรากำไรที่แข็งแกร่งในครึ่งหลังปี 67 และบริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 สำหรับการเติบโตของรายได้จากผู้ป่วยชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงการประเมินมลค่าที่น่าที่น่าดึงดูด

โดยจำนวนผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่ที่เพิ่มสูงขึ้นในปัจจุบันควรส่งผลกระทบเชิงบวกต่อดผู้ให้บริการด้าน Heath Care ของไทย โดยเพิ่มทั้งจำนวมผู้ป่วยนอก (OPD) และการรับผู้ป่วยใน (IPD) โรงพยาบาลที่มุ่งนั้นนั้นผู้ป่วยในประเทศอย่างมียสำคัญ โดยโดยเฉพาะอย่างยิ่งโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนผู้ป่วยชำระเงินสดมากกว่า เช่น บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 , บริษัท ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG และ บริษัท เอกชัยการแพทย์ จำกัด (มหาชน) หรือ EKH ควรได้รับประโยชน์ด้านรายได้ที่ชัดเจนกว่าเมื่อเทียบกับโรงพยาบาลที่มีผู้ป่วยประกันสังคม (SSO) เช่น บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH , บริษัท โรงพยาบาลจุฬารัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ CHG และ บริษัท โรงพยาบาลรามคำแหง จำกัด (มหาชน) หรือ RAM

ด้านน้ำท่วมในอำเภอแม่สาย เมืองชายแดนไทย-เมียนมา ในวัดเชียงราย ตั้งแต่วันที่ 9 กันยายน ควรมีผลกระทบจำกัดต่อการเติบโตของรายได้ เนื่องจากการกระจายตัวทางภูมิศาสตร์ของเครือข่ายโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบ (BDMS, BCH และ RAM)

นอกจากนี้คาดว่าน้ำท่วมจะเป็นเพียงระยะสั้น และสังเกตว่าบางพื้นที่เริ่มเห็นระดับน้ำลดลงแล้ว อย่างไรก็ตาม รศ. ดร. เสรี ศุภราทิตย์ ผู้อำนวยการศูนย์การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและภัยพิบัติ มหาวิทยาลัยรังสิต คาดว่าจะใช้เวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ในการการลดระดับน้ำ

โดยคาดว่าไม่มีพายุใหญ่เพิ่มเติมในช่วงนี้ขอเน้นย้ำว่าผลกระทบตามฤดูกาลควรมีมากกว่าปริมาณผู้ป่วยที่ลดลงในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้คงคำแนะนำ “ซื้อ” สำหรับ BH และ PR9 โดยมูลค่าที่เหมาะสมเท่ากับ 299.00 และ 23.00 บาท

Back to top button