โบรกประสานเสียง! แนะซื้อ BH เป้า 310 บาท ลุ้นกำไร Q3 นิวไฮ-คว้าสิทธิ์รักษาผู้ป่วย “คูเวต”

โบรกแนะนำ “ซื้อ” หุ้น BH เป้าสูงสุด 310 บาท ลุ้นผลงานไตรมาส 3 ทำสถิติสูงสุดใหม่รับไฮซีซั่นธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีลุ้นขึ้นทะเบียนรักษาผู้ป่วย “คูเวต” หนุนผลงานโตต่อเนื่อง


นายประสิทธิ์ รัตนกิจกมล CFA,CISA นักวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน และทางเทคนิค บล.เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์กำไรของบริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH ในไตรมาส 3/67 ยังคงเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/67 จากการควบคุมต้นทุน และ EBITDA Margin ดีขึ้น ส่วนรายได้คาดว่าจะเติบโตได้ในอัตราหลักเดียว (Single digit) เมื่อเทียบกับฐานรายได้ที่สูงในปีก่อน

ทั้งนี้ เนื่องจากไตรมาส 3/67 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล ซึ่งนอกจากผู้ป่วยชาวไทยจะเข้ามารักษาเพิ่มขึ้นแล้ว ผู้ป่วยชาวต่างชาติ โดยเฉพาะชาวตะวันออกกลางกลับเข้ามารักษาใหม่หลังเทศกาลรอมฎอนได้ผ่านพ้นไปแล้วในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 อีกทั้งในไตรมาส 3/67 มีการขยายจำนวนเตียงเพื่อรองรับผู้ป่วยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่ 493 เตียง มาอยู่ที่ 561 เตียง และคาดว่าจะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นอีก 2% หลังจากปรับไปแล้ว 4% ในช่วงต้นปี

นอกจากนั้น BH ยังมีโอกาสสูงที่จะได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในโรงพยาบาลที่ทางรัฐบาลคูเวตจะส่งต่อผู้ป่วย เนื่องจากมีชื่อเสียงในการรักษาโรคยากซับซ้อน และมีฐานคนไข้ตะวันออกกลางสูงสุดในกลุ่ม โดยมีรายได้จากคนไข้คูเวตราว 5-6% ของรายได้จากการดำเนินงาน

อนึ่ง รัฐบาลคูเวตมีการปรับนโยบายการส่งตัวผู้ป่วยมารักษายังต่างประเทศ โดยจะลดจำนวนโรงพยาบาลที่ส่งมารักษาจาก 17 แห่ง เหลือเพียงราว 3 แห่ง คาดว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในครึ่งปีหลังนี้

อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีแรก BH มีรายได้จากผู้ป่วยชาวคูเวตลดลงราว 66% จากปีก่อน หากผู้ป่วยคูเวตกลับมา จะเป็นอีกปัจจัยบวกหนึ่งที่หนุนผลประกอบการครึ่งปีหลัง

สำหรับราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวขึ้นมามากพอสมควร จากภาพรวมตลาดที่ปรับตัวขึ้น และการเก็งกำไร จึงแนะนำให้หาจังหวะย่อตัวแล้วค่อยเข้าซื้อ โดยมีราคาเป้าหมายที่ 304 บาท

ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด คาดการณ์ว่าผลประกอบการของ BH ในไตรมาส 3/67 จะทำสถิติสูงสุดใหม่ เนื่องจากเป็นช่วงหน้าฝนของประเทศไทย และการกลับมาของผู้ป่วยต่างชาติ รวมถึงการคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ซึ่งจะทำให้รายได้และ margin เพิ่มขึ้นทั้งจากปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า

พร้อมปรับเพิ่มประมาณการกำไรปีนี้และปีหน้าขึ้นจากเดิม เนื่องจากปรับเพิ่มสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นปีนี้เป็น 51% (จากเดิม 50%) และปีหน้าเป็น 51.50% (จากเดิม 50%) และปรับลดสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร (SG&A) ต่อรายได้ของทั้งปี 67-68 ลงเหลือ 17% (จากเดิม 18%) ดังนั้น จึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 67 เป็น 7.83 พันล้านบาท (โต 12% จากปีก่อน) และปี 68 เป็น 8.34 พันล้านบาท (โต 6.50% จากปีก่อน)

โดยยังคงแนะ “ซื้อ” หุ้น BH และปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย DCF ปี 67 เป็น 309 บาท จากเดิม 300 บาท พร้อมมองว่า BH น่าสนใจเนื่องจากอัตรากำไรที่สูง (อัตรากำไรขั้นต้น > 50% และ อัตรากำไรสุทธิ > 29%) และเติบโตอย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง ROE ที่ค่อนข้างสูง (>25%)

ด้าน บล.เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 310 บาท คาดการณ์ BH จะยังคงทำจุดสูงสุดใหม่ในไตรมาส 3/67 ต่อเนื่อง จากที่เคยทำไว้ในไตรมาส 2/67 นอกจากนี้ เชื่อว่าการเติบโตของรายได้เทียบกับปีก่อนนั้นได้แตะจุดต่ำสุดไปแล้วในไตรมาส 2/67 และคาดการณ์ว่าจะเร่งตัวขึ้นอีกครั้งในไตรมาส 3/67 หนุนหลักจากการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยจากตะวันออกกลาง ซึ่งมักจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญใน 2-3 เดือนหลังจากรอมฎอนและอัตราการเติบโตจากปีก่อนก็สูงขึ้นเช่นกัน

นอกจากนี้ ผู้ป่วยชาวคูเวตที่ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลนั้นเริ่มกลับมาบางส่วนแล้ว แม้ว่าจะยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าโรงพยาบาลใดได้โควตาในการรักษาคนไข้คูเวตบ้างก็ตาม โดยคาดว่า BH น่าจะเป็นโรงพยาบาลแรกที่ได้รับเคสคูเวตจากทางรัฐ(เนื่องจากยังไม่ได้ทราบข่าวใดๆ จากโรงพยาบาลเจ้าอื่น) สะท้อนว่าจำนวนผู้ป่วยชาวคูเวตของ BH ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในไตรมาส 2/67 และ BH น่าจะเป็นหนึ่งในผู้รับโควตา หากมีการยืนยันอย่างเป็นทางการ

อีกทั้งผู้บริหารยังคาดว่าจะเห็นการลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างรัฐบาลไทยและซาอุดีอาระเบียในเดือน ต.ค.67 ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยชาวซาอุที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลในไตรมาส 4/67

โดยเบื้องต้นประเมินว่ากำไรในไตรมาส 3/67 จะอยู่ที่ 2.2 พันล้านบาท เติบโต 13% จากปีก่อน  และ 14% จากไตรมาสก่อน โดยคาดการณ์ว่ารายได้จะเติบโต 5.5% จากปีก่อน และ 13% จากไตรมาสก่อน (เทียบกับโต 4.2% จากปีก่อน ในไตรมาส 2/67) ได้รับแรงหนุนจากการเพิ่มราคาขึ้น 4% จากปีก่อน (ที่เริ่มมีผลตั้งแต่ไตรมาส 1/67) และการเพิ่มขึ้นของปริมาณผู้ป่วยตามการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจากตะวันออกกลางหลังรอมฎอน โดยเห็นสัญญาณโตดีตั้งแต่ปลายเดือนมิ.ย.67 ซึ่งน่าจะทำให้รายได้ในไตรมาส 3/67 เป็นจุดสูงสุดของปี และผนวกกับการควบคุมต้นทุนที่ดี ก็คาดการณ์ว่าอัตรากำไรสุทธิจะทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 31.10% (เทียบกับ 29% และ 30.8% ในไตรมาส 3/66 และไตรมาส 2/67)

ขณะที่กำไรทั้งปี 67 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน ทำให้ BH โดดเด่นที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล

Back to top button