ฝรั่งจ่อลุยยาว

วานนี้นักลงทุนต่างประเทศซื้อหุ้นไทยต่ออีก มูลค่า 350 ล้านบาท ส่งผลให้มีการซื้อต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันแล้ว รวมกว่า 28,062 ล้านบาท


วานนี้นักลงทุนต่างประเทศซื้อหุ้นไทยต่ออีก มูลค่า 350 ล้านบาท

ส่งผลให้มีการซื้อต่อเนื่องกันเป็นวันที่ 8 ติดต่อกันแล้ว รวมกว่า 28,062 ล้านบาท

หากย้อนกลับไปดูดัชนีหุ้นไทยที่ต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อเมื่อกลางเดือนสิงหาคม 2567 ดัชนีหุ้นไทยอยู่ที่ประมาณ 1,305 จุด

จากวันนั้นถึงวานนี้ ดัชนีหุ้นไทยขึ้นมาราว ๆ 130 จุด

และพบว่าในช่วง

เวลาดังกล่าว ต่างชาติซื้อหุ้นไทยแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท (อาจมีบางวันสลับออกมาขายบ้าง)

ดังนั้น หากจะบอกว่า ต่างชาติใช้เงินกว่า 2 หมื่นล้านบาท ดันดัชนีหุ้นขึ้นมาได้ 130 จุด คงไม่ถึงกับผิดนัก

เพราะหากชะเง้อไปมองในส่วนของนักลงทุนสถาบันหรือการซื้อขายของ กองทุนจะพบตัวเลขน่าสนใจ นั่นคือ กองทุนจะเป็นกลุ่มที่ขายสุทธิออกมา

นักงทุนอาจจะมองว่า กองทุนอาจจะสบช่อง ขายทำกำไร

แต่อย่าลืมว่า การขายของกองทุนนั้น จะมาจากการสั่งขายของผู้ถือหน่วยลงทุน

ซึ่งเดิมนั้น ก็คิดไปว่า กองทุนจะเป็นการขายเพื่อเตรียมนำเงินสด เพื่อไปซื้อหน่วยลงทุนกองทุนวายุภักษ์หนึ่ง

ทว่า ข้อมูลดังกล่าวอาจถือว่าเป็นปัจจัยหนึ่งเท่านั้น

แต่สาเหตุสำคัญมาจากการสั่งขายหน่วยลงทุนแอลทีเอฟ (LTF) เป็นหลักมากกว่า

เหตุผลเพราะว่า ผู้ถือหน่วยลงทุนแอลทีเอฟ ส่วนใหญ่ยังคงติดหุ้นอยู่ และเมื่อดัชนีวิ่งขึ้นมา จึงถือโอกาสในการปรับพอร์ตเพื่อ หนีนั่นแหละ

การหนีที่ว่านี้มีทั้งขายแบบพอได้ทุนคืน ขาดทุนนิดหน่อย และพอจะมีกำไรบ้าง

ข้อมูลในช่วงต้นปี 2567 พบว่า มีตัวเลขกองทุนแอลทีเอฟครบอายุในปีนี้ประมาณ 7.6 หมื่นล้านบาท

ล่าสุด ยังไม่ทราบว่า มีการถูกผู้ถือหน่วยลงทุนสั่งขายไปแล้วมากน้อยแค่ไหน

แต่เมื่อเข้าไปดูตัวเลขของนักลงทุนสถาบันจากต้นปี 2567 มาจนถึงวานนี้ มีการซื้อสุทธิประมาณ 5 ล้านบาท ซึ่งเข้าใจว่า ระหว่างทางแม้จะมีการขายแอลทีเอฟกันออกไปบ้าง

แต่น่าจะมีผู้ถือหน่วยลงทุนฯ อีกหลายคนที่ซื้อกองทุน เช่น SSF และเริ่มซื้อ TESG กลับ

เลยทำให้ดัชนีไม่น่าจะถูกกดดันจากแรงขายแอลทีเอฟมากนัก

และถึงแม้ว่าจะมีแรงขายจากแอลทีเอฟ ออกมา

เมื่อมาดูแรงซื้อของต่างชาติ สังเกตกันไหมว่า พวกเขาใช้เงินเพียงกว่า 2 หมื่นล้านบาท สามารถที่จะดันดัชนีขึ้นมาได้ถึง 130 จุด

อย่างเมื่อวานนี้ ต่างชาติซื้อเพียง 350 ล้านบาท

สามารถดันดัชนีขึ้นมาปิดบวกได้ 11.14 จุด ขณะที่นักลงทุนสถาบันขายสุทธิออกมา 7 ล้านบาท

ปัจจัยที่ทำให้ต่างชาติซื้อหุ้นไทยต่อเนื่องเท่าที่รวบรวมมาได้ เช่น เงินบาทแข็งค่าขึ้น จากเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด จะปรับลดดอกเบี้ยนโยบายค่อนข้างแน่นอนในการประชุมวันพุธนี้ 0.25%

และยังรวมถึงผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ลดลง

บวกกับต่างชาติเริ่มมองว่าหุ้นย่านอาเซียนมีอัพไซด์ค่อนข้างมาก รวงมถึงประเทศไทย

ส่วนปัจจัยภายในมีทั้งเรื่องการเมืองที่มีเสถียรภาพมากขึ้น เมื่อเทียบกับที่ผ่านมา การเข้ามาของกองทุนวายุภักษ์ และ TESG

มีการประเมินว่า สัดส่วนถือครองหุ้นไทยปัจจุบัน น่าจะประมาณ 27-28%

คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5.5 ล้านล้านบาท

หากดูสัญญาณทางเทคนิค ดัชนีหุ้นไทยวานนี้ขึ้นมาติดแนวต้าน 1,436 จุด เป็นระดับเดียวกันกับก่อนหน้านี้ก่อนจะย่อตัวลงมา “พักฐาน แล้วดีดกลับมายังจุดเดิมล่าสุดอีกครั้ง

หากต่างชาติวันนี้ยังซื้อต่อเนื่อง

มีความเป็นไปได้ว่า หุ้นน่าจะผ่านแนวต้านดังกล่าวได้

และจะมีแนวต้านถัดไปคือ 1,460 จุด

ซึ่งก็น่าจะมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีจะขึ้นมาในระดับนี้ เพราะยังมีแรงซื้อจากกองทุนวายุภักษ์ และ TESG

เว้นแต่ว่าก่อนการเข้ามาของสองกองทุนดังกล่าว

ดัชนีจะเกิดการพักฐานอีกครั้งนั่นแหละ

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button