ผู้ถือหุ้นสามัญยื่นฟ้อง “แก๊ง STARK” แบบ Class Action เรียกค่าเสียหายกว่า 4.09 พันล้าน
“สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย” เผย “ศาลแพ่ง” กรุงเทพใต้นัดสืบพยาน ผู้เสียหายจากการลงทุนหุ้น STARK ในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่ม Class Action วันที่ 6 – 8 พ.ย.67
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (19 ก.ย.67) สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย (TIA) เปิดเผยถึงความคืบหน้า จากความเสียหายที่เกิดขึ้น กรณี บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK โดยมีการแถลงข่าวร่วมกันของ 11 องค์กร เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2566 สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) สนับสนุนให้ TIA เป็นศูนย์กลางในการให้ความช่วยเหลือผู้ลงทุนรายบุคคลที่ลงทุนในหุ้นสามัญ (กรณีหุ้นกู้ มี ตัวแทนผู้ถือหุ้นกู้เป็นผู้รับผิดชอบอยู่แล้ว) ในการดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action)
โดยในการนี้สมาคมส่งเห็นผู้ลงทุนไทยจึงทำหน้าที่เป็นผู้สนับหนุนผู้เสียทายกสัมผัสงคนในหุ้นสามัญตามกระบวนการติธรรรรมให้บังเกิดผล โดยมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การแจ้งข้อมูล ความคืบหน้า การดำเนินการของสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทยในการให้ความช่วยเหลือผู้เสียหายกลุ่มผู้ลงทุนในหุ้นสามัญ STARK มีการดำเนินการ ดังนี้
1.เปิดระบบออนไลน์ลงทะเบียนผู้เสียหายที่ลงทุนในหุ้นสามัญ STARK รอบที่ 1 ระหว่าง วันที่ 19-25 มิถุนายน 2566 มีผู้เสียหายเข้ามาลงทะเบียน 1,759 ราย รวมมูลค่าความเสียหาย 4,039 ล้านบาท
2.เชิญประชุมผู้เสียหายที่ลงทะเบียน ในข้อ 1.เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้เสียหายคัดเลือก “โจทก์ตัวแทนผู้เสียหาย”
3.เปิดระบบออนไลน์ ลงทะเบียนผู้เสียหายหุ้นสามัญ STARK รอบที่ 2. ระหว่าง 17-30 เมษายน 2567 มีผู้เสียหาย เข้ามาลงทะเบียน จำนวน 1,207 ราย
โดย เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2567 ที่ผ่านมา โจทก์ตัวแทนผู้เสียหาย (โจทก์ฯ) กลุ่มผู้ลงทุนในหุ้นสามัญ STARK ได้ยื่นฟ้อง STARK บริษัทในเครือ และกรรมการที่มีส่วนร่วมในการกระทำความผิด รวม 10 ราย เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ. 1061/2567 ต่อศาลแพ่งกรุงเทพใต้ และโจทก์ฯได้ประสานงานกับสมาคมฯ เพื่อขอให้แจ้งข่าวสารแก่ผู้เสียหายรายอื่นๆ ด้วย โดยการฟ้องคดีนี้เป็นการฟ้องคดีแพ่งฐานละเมิดและการกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 เพื่อเรียกค่าเสียหาย และขอดำเนินคดีแบบกลุ่ม (Class Action) เพื่อให้ผลของคำพิพากษาครอบคลุมไปถึงกลุ่มผู้เสียหายที่เป็นผู้ลงทุนในหุ้นสามัญรายอื่นๆ ด้วย ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
1.ขอบเขตของสมาชิกกลุ่มผู้เสียหายกลุ่มผู้ลงทุนในหุ้นสามัญ คือ เป็นบุคคลที่เข้าซื้อหรือขายหุ้นสามัญของ STARK ในช่วงระยะเวลาแห่งความเสียหาย (Class Period)กล่าวคือ ในช่วงเวลาระหว่าง วันที่ 11 พฤษภาคม 2564 – วันที่ 16 มิถุนายน 2566 (ช่วงที่มีการเผยแพร่งบการเงินเท็จของ STARK)
2.การเข้าซื้อหุ้น ในข้อ 1. สามารถแบ่งประเภทผู้เสียหายออกเป็น 3 กลุ่มย่อย (Sub-Class) ได้แก่ 1. ผู้เสียหายที่เข้าซื้อหุ้นสามัญ STARK และยังถือหุ้นอยู่, 2. ผู้เสียหายที่เข้าซื้อหุ้นสามัญ STARK และขายหุ้นออกบางส่วน, 3. ผู้เสียหายที่เข้าซื้อหุ้นสามัญ STARK และขายหุ้นออกแล้วทั้งหมด
3.การเรียกค่าเสียหายเป็นการเรียกค่าเสียหายโดยคำนวณจากส่วนต่างของราคาหุ้นที่ซื้อขายกับราคาหุ้นที่แท้จริงของ STARK ที่ควรจะเป็นหากไม่มีการเปิดเผยข้อมูลงบการเงินเท็จ ซึ่งหลักในการคำนวณค่าเสียหายดังกล่าวสามารถปรับใช้กับผู้เสียหายทุกกลุ่มย่อยตามข้อ 2. ได้
4.หากท่านเป็นผู้เสียหายกลุ่มผู้ลงทุนในหุ้นสามัญตาม ข้อ 1. และ ข้อ 2.ข้างต้น ทุกท่านได้ถูกนับรวมอยู่ใน สมาชิกกลุ่มของการดำเนินคดีแบบกลุ่ม – Class Action และหากศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ดำเนินคดีแบบกลุ่มก็จะส่งผลให้ทั้งโจทก์ฯ และสมาชิกกลุ่มมีผลทางคดีร่วมกัน
ส่วนการดำเนินการในช่วงต่อไป คือ 1.วันที่ 6 มิถุนายน 2567 โจทก์ฯ ได้ยื่นคำฟ้องและคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่ม ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้ เป็นคดีหมายเลขดำที่ พ.1061/2567 และ 2.วันที่ 6 – 8 พฤศจิกายน 2567 เวลา 09:00 -16:30 น. ศาลนัดสืบพยานในชั้นไต่สวนคำร้องขอดำเนินคดีแบบกลุ่ม ที่ศาลแพ่งกรุงเทพใต้
นอกจากนี้ การดำเนินการ ตามกระบวนการยุติธรรม สมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ทำหน้าที่ช่วยเหลือ ประสานงาน อำนวยความสะดวก ให้กับกลุ่มตัวแทนโจทก์ผู้เสียหาย ตลอดจนทำหน้าที่ในการแจ้งความคืบหน้า (กรณีเมื่อมีความคืบหน้า) ตามข้อมูลที่กลุ่มตัวแทนโจทก์ผู้เสียหายแจ้งมา ผ่านช่องทางการสื่อสาร คือ 1) ระบบออนไลน์ ตามอีเมล์ของแต่ละบุคคลที่ลงทะเบียนไว้กับสมาคมฯ 2) ระบบออนไลน์ ในหน้าเว็บไซต์ ของสมาคมฯ คือ www.thaiinvestors.com (ชื่อเมนู Class Action)