MEDEZE จ่อขายไอพีโอ 268 ล้านหุ้น ตอกย้ำนัมเบอร์วันธุรกิจ “สเต็มเซลล์” ในไทย

รู้จักหุ้นน้องใหม่ไอพีโอ MEDEZE ผู้นำธุรกิจรับฝาก-เพราะเลี้ยง “สเต็มเซลล์” ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง เตรียมเสนอขาย IPO 268 ล้านหุ้น ในตลาด SET รุกขยายธุรกิจเซลล์รากผม-ระบบจัดเก็บเซลล์ด้วยหุ่นยนต์


จับตาหุ้นน้องใหม่ด้านการบริการและการแพทย์ผ่านประสบการณ์ที่มาอย่างยาวนานกว่า 14 ปี ซึ่งมี นายแพทย์วีรพล เขมะรังสรรค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมดีซ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MEDEZE เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท เปิดเผยว่า MEDEZE มีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้รับฝากเก็บเซลล์ ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงที่มีความมั่นคงมากที่สุดในเอเชีย

โดย MEDEZE ให้ความสำคัญเกี่ยวกับมาตรฐานสากลเพื่อให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากลพร้อมได้รับมาตรฐานสากล Association for the Advancement of Blood and Biotherapies (AABB) จาก สหรัฐอเมริกา ทำให้ลูกค้าที่จัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดกับกลุ่มบริษัทฯ สามารถเบิกและนำไปปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิดที่สหรัฐอเมริกาได้ ทั้งนี้ที่ผ่านมาคนไทยส่วนใหญ่ต้องจัดเก็บและฝากเซลล์ต้นกำเนิดที่ต่างประเทศ เนื่องจากบริษัทในประเทศไทยไม่มีมาตรฐานสากลในการจัดเก็บและรับฝากเซลล์ต้นกำเนิด แต่ปัจจุบันคนไทยและต่างชาติจำนวนมากเลือกที่จะจัดเก็บและฝากเซลล์ต้นกำเนิดที่ MEDEZE

ขณะที่บริการของ MEDEZE ครอบคลุมการจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดในระยะยาวผ่านนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่ทันสมัย ด้วยมาตรฐานการจัดเก็บแช่แข็งในระดับสากล AABB ซึ่ง ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2567 MEDEZE มีถังไนโตรเจนเหลวสำหรับจัดเก็บเซลล์ต้นกำเนิดให้ลูกค้ารวม 38 ถัง ควบคุมอุณหภูมิการจัดเก็บที่ต่ำกว่าลบ 190 องศาเซลเซียส และมีความสามารถสูงสุดในการสกัดเลือด 2,880 เคสต่อปี สกัดเนื้อเยื่อ 4,560 เคสต่อปี และบริษัทมีพันธทางการค้าคือโรงพยาบาลและคลินิกทั่วประเทศ กว่า 225 แห่ง ผ่านกลยุทธ์การทำธุรกิจแบบการซื้อขายระหว่างองค์กร หรือ Business-to-Business (B2B)

อีกทั้ง ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าที่ใช้บริการกับบริษัทประมาณ 20,000 ราย ส่วนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการต่อเดือนอยู่ที่ 200 ราย หากเฉลี่ยต่อปีนั้นมีลูกค้าอยู่ที่ 3,000-4,000 รายต่อปี โดยกลุ่มลูกค้าที่เข้าใช้บริการแบ่งเป็นคนไทยคิดเป็น 80% และชาวต่างชาติ 20% พร้อมกันนี้ บริษัทยังมีตัวแทนจำหน่ายในต่างประเทศมากกว่า 200 ราย ซึ่งในต่างประเทศ คือ ประเทศเวียดนาม, สิงคโปร์, พม่า, อินโดนีเซีย และกัมพูชา เป็นต้น

โดยที่ผ่านมา MEDEZE มีการเติบโตอย่างต่อเนื่องหากยกตัวอย่างในปี 2566 บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 701.81 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 239.57 ล้านบาท ซึ่งหากแบ่งสัดส่วนรายได้นั้นจะมาจาก ธุรกิจ เก็บ (Stem Cells) เนื้อเยื่อ สายสะดือ คิดเป็น 52.60%,

ธุรกิจเก็บ (Stem Cells) เนื้อเยื่อ ไขมัน คิดเป็นสัดส่วน 18.60%, ธุรกิจการตรวจ NK Cells หรือ (Natural killer cells) คิดเป็นสัดส่วน 15.60%, ธุรกิจตรวจ Stem Cells เลือดสายสะดือ คิดเป็นสัดส่วน 8.7% และธุรกิจอื่นๆ อยู่ที่ 3.7%

นายแพทย์วีรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า นับตั้งแต่ปี 2012 ที่ผ่านมาเริ่มมีงานวิจัยที่รองรับว่าการรักษาด้วยสเต็มเซลล์นั้นมีความปลอดภัย และ ณ วันนี้ไม่มีใครบอกว่าการรักษาด้วยสเต็มเซลล์นั้นก่อให้เกิดเนื้องอกอีกแล้ว ซึ่งในปี 2020 มีงานวิจัยรองรับอยู่ที่ 800 ฉบับ ส่วนถัดมาในปี 2022 เพิ่มขึ้นเป็น 6,400 ฉบับ นับว่าเพิ่มขึ้นกว่า 8 เท่า ถือเป็นการเปิดประตูการรักษาใหม่ๆให้วงการแพทย์ ซึ่งปัจจุบันแพทย์ที่ใช้สเต็มเซลล์ในการรักษาผู้ป่วย คือ แพทย์ทางด้านการรักษาสมอง, แพทย์หัวใจ, แพทย์กระดูก, แพทย์ทางด้านการรักษาภูมิแพ้ เป็นต้น

ขณะที่ หากจะทำความเข้าใจ เซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) ที่บริษัทนำมาใช้ในการบริการให้กับลูกค้านั้น กล่าวคือ เซลล์ต้นแบบเป็นจุดเริ่มต้นของทุกเซลล์ในร่างกายสามารถแบ่งตัวและเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ในอวัยวะต่างๆ อาทิ เซลล์ผิวหนัง, สมอง, หัวใจ และกล้ามเนื้อ โดยในการเก็บเซลล์ต้นกำเนิด (Stem Cells) สามารถเก็บได้ทั้งจากเด็กแรกเกิด ได้แก่ จากเลือดในสายสะดือและเนื้อเยื่อสายสะดือ รวมถึงจากบุคคลทั่วไปทุกช่วงอายุ และจัดเก็บจากเนื้อเยื่อไขมัน เป็นต้น

นายแพทย์วีรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวต่อว่า สำหรับขั้นตอนในการรับฝากเซลล์ต้นกำเนิดของ MEDEZE เริ่มจากการจัดเก็บตัวอย่างเลือดหรือเนื้อเยื่อการคัดแยกและเพาะเลี้ยงเซลล์ต้นกำเนิด และการแช่แข็งในถังไนโตรเจนเหลว โดย MEDEZE รับประกันคุณภาพของเซลล์ต้นกำเนิดตลอดการฝากเก็บเป็นเวลานานถึง 30 ปี พร้อมกับการรับประกันคุณภาพ ว่าภายหลังการนำเซลล์ออกมาจากการแช่แข็ง ก่อนการส่งมอบมีอัตรารอดชีวิตไม่ต่ำกว่า 50 – 90% ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับประเภทของเซลล์ต้นกำเนิด ขณะที่ การเพราะเลี้ยงสเต็มเซลล์นั้นจะสามารถเพราะเลี้ยงจนทำให้เซลล์ขยายจำนวนได้ภายใน 20 วัน

นอกจากธุรกิจที่เกี่ยวกับการจัดเก็บและเพาะเลี้ยงสเต็มเซลล์แล้ว MEDEZE ยังมีธุรกิจที่ต้องการสร้างการเติบโต คือ ขยายธุรกิจเซลล์รากผม หรือ (Hair Follicle Cell Bank) โดย MEDEZE เล็งเห็นถึงการเข้าไปบริการและช่วยเหลือลูกค้าที่ประสบปัญญารากบาง อีกทั้ง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในการช่วยบรรเทาปัญหาต่างๆผ่านการเพราะเลี้ยงสเต็มเซลล์รากผม ซึ่งบริษัทจะนำเส้นผมจากลูกค้าเพียง 50 เส้น เพื่อสกัดเซลล์รากผมนำไปเพราะเลี้ยงและนำกลับไปฉีดให้ลูกค้าแก้ปัญหาดังกล่าว โดยจะเห็นผลการรักษาภายในระยะเวลา 8 เดือน

“เราเชื่อมั่นว่าเทรนด์การปลูกผมในปัจจุบันมีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในเพศชาย ขณะที่ การปลูกถ่ายย้ายรากผมจากข้างหลังมาซ่อมแซมส่วนที่ต้องการ ซึ่งหากทำมาแล้วมากกว่า 2 ครั้ง สุดท้ายแล้ว จากการย้ายรากผมจากจุดนึงไปซ่อมแซมอีกจุด อาจทำให้จุดที่ถูกดึงไปนั้นอาจบางลงเช่นกันเนื่องจากถูกดึงรากผมไปใช้ และอาจจะไม่สามารถนำผมจุดเติมมาปลูกหรือซ่อมแซมได้” นายแพทย์วีรพล กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทยังได้ผสานความร่วมมือกับ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) หรือ NIA ในการร่วมกันวิจัยพัฒนาการรักษาปัญหาผมร่วมและบางเรียบร้อยแล้ว ในปี 2566 บริษัทฯ สามารถสกัด เพาะเลี้ยง แช่แข็ง เซลล์ต้นกำเนิดรากผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ และพร้อมให้บริการกับลูกค้าเพื่อการรับฝากเซลล์รากผมอย่างเป็นทางการได้ตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไปอีกทั้ง MEDEZE ได้วิจัยและพัฒนาสร้างกระจกตาเทียมจากสเต็มเซลล์ของคนจริงๆ โดยร่วมทดลองกับคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น

ทั้งนี้ ภายหลังจากการระดมทุน MEDEZE มีแผนที่จะลงทุนขยายธุรกิจ คือ 1.ขยายธุรกิจเซลล์รากผม หรือ (Hair Follicle Cell Bank) และ 2.ลงทุนติดตั้งระบบการจัดเก็บเซลล์ด้วยหุ่นยนต์ หรือ (Robotic Cell Culture System) ซึ่งเป็นนวัตกรรมขั้นสูงและล้ำสมัยทำให้กระบวนจัดเก็บมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ลดความผิดพลาดของบุคคล และลดความเสี่ยงจากตัวแปรที่มาจากสภาพแวดล้อมต่างๆ หรือการปนเปื้อนเชื้อโรค พร้อมยกระดับความน่าเชื่อถือทัดเทียมกับผู้ประกอบการชั้นนำทั่วโลก

โดยปัจจุบัน MEDEZE มีทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 400 ล้านบาท คิดเป็น 800 ล้านหุ้นเพื่อจะนำหุ้นสามัญเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนครั้งแรกในครั้งนี้ เพื่อระดมทุนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 268,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ หรือพาร์หุ้นละ 0.50 บาท คิดเป็นร้อยละไม่เกิน 25.09% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออก ซึ่งมีบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของบริษัท

ส่วนงบผลการดำเนินงานของ MEDEZE ในระหว่าง 3 ปี (2564-2566) มีรายได้รวม 446.41 ล้านบาท และมีกำไรอยู่ที่ 112.06 ล้านบาท, ปี 2565 รายได้รวมอยู่ที่ 595.70 ล้านบาท กำไรสุทธิ 147.19 ล้านบาท และปี 2566 รายได้รวมอยู่ที่ 701.81 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 239.57 ล้านบาท ขณะที่ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินของบริษัท หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคลและหลังหักสำรองต่าง ๆ ทุกประเภทที่กฎหมายและบริษัทกำหนดไว้ในแต่ละปี

Back to top button