NUSA รูด 3% เซ่น ก.ล.ต.ฟัน “ศิริญา-วิษณุ” ไซฟ่อนเงินบริษัทเข้าตัวเอง

NUSA รูด 3% หลัง ก.ล.ต. กล่าวโทษ “ศิริญา-วิษณุ เทพเจริญ” กับพวกรวม 6 คน ต่อดีเอสไอ ฐานร่วมกันกระทำทุจริตซื้อโรงแรมประเทศเยอรมนีและห้องชุด NUSA ผ่องถ่ายเงินจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด พบ “วรินภร-โฉมสุดา” ร่วมเอื้อกระทำผิด อีกทั้งระหว่างสอบสวนใช้เอกสาร IFA อันเป็นเท็จอำพรางเจ้าพนักงาน พร้อมดำเนินคดีต่อปปง.อีกทาง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 ก.ย.67) ราคาหุ้น บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ณ เวลา 10:26 น. อยู่ที่ระดับ 0.31 บาท ลบ 0.01 บาท หรือ 3.13% สูงสุดที่ระดับ 0.32 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 0.29 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 14.89 ล้านบาท

โดยราคาหุ้น NUSA ปรับตัวลดลง หลังเมื่อวันที่ 20 ก.ย.67 ที่ผ่านมา สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษกรรมการ อดีตกรรมการและผู้บริหาร NUSA และพวกรวม 6 ราย ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีธุรกรรมการเข้าลงทุนซื้อโรงแรมที่ต่างประเทศ ในราคาไม่สมเหตุสมผลอย่างมีนัยสำคัญ ธุรกรรมการขายห้องชุดของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน รวมทั้งการผ่องถ่ายเงินจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัว และบุคคลใกล้ชิด และกรณีการแสดงเอกสารและข้อมูลเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่และ/หรือ ก.ล.ต.และผู้สอบบัญชี พร้อมกันนี้ได้ส่งเรื่องต่อไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

ทั้งนี้ ก.ล.ต.ได้รับเรื่องร้องเรียนเมื่อปี 2566 จึงได้ทำการตรวจสอบรวมทั้งประสานกับ DSI และพบพยานหลักฐานที่แสดงได้ว่า ช่วงปี 63 กรรมการและผู้บริหาร NUSA รวม 4 ราย ได้แก่ 1) นางศิริญา เทพเจริญ 2) นายวิษณุ เทพเจริญ 3) นายสมพิจิตร ชัยชนะจารักษ์ 4) นายนนทวัชร์ ธนสุวิวัฒน์ ได้ร่วมกันกระทำการโดยทุจริตลงทุนซื้อโรงแรม Panacee Grand Hotel Roemerbad ที่ประเทศเยอรมนี (Panacee) ในราคาที่สูงกว่าราคาประเมินที่ประเมินด้วยวิธีเปรียบเทียบราคาตลาด (Market approach) อย่างไม่สมเหตุสมผล และร่วมกันกระทำการโดยทุจริตขายห้องชุดซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน

รวมทั้งผ่องถ่ายเงินออกจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิด อันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น จนทำให้ NUSA ได้รับความเสียหาย โดยมีนางสาววรินภร จันทรโรจน์วานิช ซึ่งเป็นผู้ขายโรงแรม Panacee และนางโฉมสุดา รุ่งเรืองเนาวรัตน์ กรรมการผู้มีอำนาจในบริษัทผู้ซื้อห้องชุดจาก NUSA เป็นผู้สนับสนุนช่วยเหลือการกระทำความ ผิดของบุคคลทั้ง 4 ราย

โดยจากการตรวจสอบของ ก.ล.ต.พบว่า เงินมัดจำค่าซื้อโรงแรมข้างต้นที่ NUSA ชำระให้แก่นางสาววรินภร ผู้ขายโรงแรม ไม่ได้ถูกนำเข้าบัญชีของผู้ขาย แต่กลุ่มกรรมการและผู้บริหาร NUSA ได้แก่นางศิริญา นายวิษณุ และนายนนทวัชร์ รวมถึงบุคคลใกล้ชิดเป็นผู้ได้รับประโยชน์ของเงินขายโรงแรมดังกล่าว

นอกจากนี้ ในชั้นการทำคำชี้แจงต่อ ก.ล.ต.ในกรณีข้างต้น กรรมการและผู้บริหารของ NUSA ขณะกระทำผิดทั้ง 4 ราย ได้นำส่งพยานหลักฐานเอกสารและข้อมูลอันเป็นเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของ ก.ล.ต.โดยได้นำส่งรายงานของที่ปรึก ษาทางการเงินอิสระ (IFA) เป็นเท็จ เพื่อลวงไม่ให้ ก.ล.ต.ทราบมูลค่าที่แท้จริงตามบัญชีของโรงแรมดังกล่าว อีกทั้งยังพบว่าได้ทำการตกแต่งบัญชีเพื่อลวงผู้สอบบัญชีของบริษัทให้เชื่อว่า NUSA ได้รับชำระหนี้ค่าห้องชุดครบถ้วนจากบริษัทผู้ซื้อแล้ว เพื่อไม่ให้ผู้สอบบัญชีมีข้อสงสัยในการบันทึกบัญชีของธุรกรรมข้างต้น

โดยการกระทำของกรรมการ NUSA กับพวกรวม 6 รายข้างต้น กรณีร่วมกันทุจริตในการเข้าซื้อโรงแรมที่ประเทศเยอรมนีและกรณีร่วมกันทุจริตการขายห้องชุดของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมินรวมทั้งผ่องถ่ายเงินออกจาก NUSA เข้าบัญชีส่วนตัวและบุคคลใกล้ชิดดังกล่าวถือว่าเข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 281/2 วรรคสอง ประกอบมาตรา 89/7 มาตรา 89/24 มาตรา 307 มาตรา 308 มาตรา 311 มาตรา 312 มาตรา 313 และมาตรา 315 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) และมาตรา 83 หรือมาตรา 86 แห่งประมวลกฎหมายอาญา แล้วแต่กรณี

นอกจากนี้ กรณีการแสดงเอกสารและข้อมูลเท็จต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของ ก.ล.ต. และการลวงผู้สอบบัญชี เข้าข่ายเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 302 มาตรา 302/1 และมาตรา 312 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ก.ล.ต.จึงกล่าวโทษบุคคลทั้ง 6 รายต่อ DSI เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

พร้อมกันนี้ ก.ล.ต.ได้แจ้งการดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ข้างต้นต่อ ปปง. ซึ่งเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติมอีกด้วย

ทั้งนี้การถูกกล่าวโทษข้างต้น มีผลให้ผู้ถูกกล่าวโทษเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจและไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการและผู้บริหารบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียนตลอดระยะเวลาที่ถูกกล่าวโทษดำเนินคดี นับตั้งแต่วันที่ ก.ล.ต. มีหนังสือกล่าวโทษบุคคลดังกล่าวต่อ DSI

อนึ่งการกล่าวโทษของ ก.ล.ต.เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของกระบวนการบังคับใช้กฎหมายทางอาญาเท่านั้น ภายใต้กระ บวนการนี้ การพิจารณาวินิจฉัยว่าบุคคลใดเป็นผู้กระทำผิดกฎหมายเป็นขั้นตอนในอำนาจการสอบสวนของพนักงานสอบ สวน การสั่งฟ้องคดีของพนักงานอัยการ ตลอดจนดุลพินิจของศาลยุติธรรมตามลำดับ

ทั้งนี้ ก.ล.ต.จะติดตามความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อไปและร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่เพื่อสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ ในกระบวนการภายหลัง ก.ล.ต.กล่าวโทษแล้ว

Back to top button