ดัชนีย่อแบบจำกัด

ระหว่างวันของวานนี้ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวน ดัชนีอยู่ในแดนบวกและลบสลับกันไป ช่วงบวกที่ขึ้นมามากสุด คือ 3.75 จุด และช่วงลบที่ลงมามากสุด -9.67 จุด


ระหว่างวันของวานนี้ตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวน

ดัชนีอยู่ในแดนบวกและลบสลับกันไป

ช่วงบวกที่ขึ้นมามากสุด คือ   3.75 จุด หรือ 1,455.44 จุด และช่วงลบที่ลงมามากสุด -9.67 จุด (1,442.02 จุด)

ในช่วงเปิดตลาดมาภาคบ่าย แล้วดัชนีวูบแบบ “ลงลิฟต์”

ในช่วงเวลาดังกล่าว เชื่อว่านักลงทุนหลายราย อาการน่าจะวูบตามกันบ้างแหละ

ทว่า หลังจากนั้น ดัชนีค่อย ๆ ฟื้น แล้วไต่ระดับขึ้นมาได้เรื่อย ๆ กระทั่งมาปิดตลาด ลดลงเพียง 3.79 จุด ปิด 1,447.90 จุด มูลค่าการซื้อขายไม่ขี้เหร่นะ หรือกว่า 5.06 หมื่นล้านบาท

การลงของดัชนีวานนี้ในช่วง -9.67 จุด

จะพบว่ามีแรงเข้ามารับซื้ออยู่พอสมควร

และเข้าใจว่าน่าจะเป็นการเข้ามาทยอบเก็บหุ้นของนักลงทุนต่างประเทศ

ส่วนฝั่งที่เทหุ้นออกมา ก็เป็นไปได้เช่นกันว่า อาจจะมาจากนักลงทุนสถาบัน (กองทุน) ที่มีทั้งขายแอลทีเอฟ และขายทำกำไร หรือฝรั่งอาจจะทุบแล้วย้อนกลับมาซื้อ

เช่น หุ้น บมจ.โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) ที่ราคาขึ้นมาต่อเนื่อง จากแรงซื้อของต่างชาติ

เมื่อวานนี้เปิดตลาดภาคบ่าย ราคาหุ้นวูบลง ก่อนจะค่อย ๆ ดีดกลับ

สำหรับหุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้ง BDMS (บมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ) และ BH นั้น

ต่างเป็นเป้าของต่างชาติ ตั้งแต่ช่วงดัชนีลงมาที่ระดับ 1,300 จุด แล้วทยอยซื้อเก็บเข้าพอร์ตมาเรื่อย ๆ

BDMS ราคาผ่านระดับ 30.00 บาท ที่เป็นแนวต้านอาถรรพ์ขึ้นมาได้ และมาปิด 31.00 บาท

ส่งผลให้ที่ระดับ 30.00 บาทของ BDMS พลิกเป็นแนวรับ

หุ้นโรงพยาบาลขนาดใหญ่ทั้ง BDMS BH และรวมถึงโรงพยาบาลขนาดกลาง คือ PR9 มีกระแสข่าวว่า รัฐบาลคูเวตจะเลือกให้เป็นโรงพยาบาลเป้าหมาย เพื่อให้ประชากรของเขาหากเจ็บป่วยเข้ามารักษา

ซึ่งน่าจะเป็นอีกปัจจัยบวกของการเข้ามาเก็บหุ้น

หุ้นอีกกลุ่มที่น่าสนใจคือ “แบงก์”

เพราะล่าสุด ผู้ว่าการ ธปท. ส่งซิกออกมาว่า โอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงนั้น

อาจจะมีเปอร์เซ็นต์ค่อนข้างน้อย

ข้อมูลนี้ถือเป็นปัจจัยหนุนตัว Net Interest Margin หรือ NIM ของกลุ่มแบงก์ โดยเฉพาะธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ BBL KBANK KTB และ SCB

บวกกับในช่วงก่อนวันที่ 20 ต.ค.นี้

กลุ่มแบงก์จะประกาศงบการเงินงวดไตรมาส 3/2567 และถูกคาดว่า กำไรน่าจะยังดีต่อเนื่องจาก NIM ที่ยังอยู่ระดับสูง

หากวันไหนราคาหุ้นแบงก์ย่อตัว จึงเป็นจังหวะของการเก็บของนักลงทุน

สำหรับหุ้นแบงก์ทั้งแนวรับ และแนวต้านจะค่อนข้างเป๊ะ หรืออาจจะมี +/- นิดหน่อย

หากใครดูสัญญาณทางเทคนิคเป็น ทำกำไรจากหุ้นแบงก์ได้ไม่ยาก

อีกปัจจัยหนุนล่าสุดของหุ้นไทย ที่ทำให้ดัชนีย่อลงแบบจำกัด คือ กองทุนวายุภักษ์ หนึ่ง ที่มียอดจองเต็มโควตาทั้งรายย่อย และนักลงทุนสถาบัน ทำให้ระดมทุนได้ตามสูงสุด 1.5 แสนล้านบาท

เงินเกือบทั้งหมดของก้อนนี้ (น่าจะราว ๆ 80-90%) พร้อมจะเข้าซื้อหุ้นไทยทันทีในช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้

นี่ยังไม่รวมเงิน TESG ที่จะเข้ามาในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี 2567

ดู ๆ ไปแล้วหุ้นไทยหากจะย่อตัวลง

ดาวน์ไซด์ค่อนข้างจำกัดแหละ

ธนะชัย ณ นคร

Back to top button