“วิษณุ-ศิริญา” ย้ำบริสุทธิ์ใจ! ซื้อ “โรงแรมเยอรมัน” โปร่งใส วอน ก.ล.ต.ทบทวนคำกล่าวโทษ

“วิษณุ-ศิริญา” อดีตผู้บริหาร NUSA ยืนยันความบริสุทธิ์ใจ ย้ำซื้อโรงแรมเยอรมันโปร่งใสตามราคาประเมิน ขณะที่ห้องชุดแม้ขายราคาต่ำกว่าราคาประเมิน แต่เป็นการขายที่ได้กำไร และสามารถปิดหนี้และนำเงินเสริมสภาพคล่องได้ วอนก.ล.ต.มองด้วยเหตุและผล และเจตนาในการลงทุน เล็งเปิดตัวธุรกิจใหม่สายสุขภาพต้นเดือนหน้า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (25 ก.ย.67) นายวิษณุ เทพเจริญ และนางศิริญา เทพเจริญ อดีตผู้บริหาร บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA ตั้งโต๊ะแถลงข้อเท็จจริง จากเหตุสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้มีการกล่าวโทษอดีตผู้บริหาร รวมกับพวก 6 รายต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรณีทุจริตและการแสดงเอกสารและข้อมูลเท็จ พร้อมส่งเรื่องไปที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)

ทั้งนี้ นายวิษณุ และนางศิริญา ชี้แจงออกเป็น 2 กรณี ดังนี้

1.กรณีธุรกรรมการเข้าลงทุนซื้อโรงแรมที่ต่างประเทศในราคาที่ไม่สมเหตุสมผล โดยเป็นการเข้าซื้อหุ้น PNCV (โรงแรมในเยอรมัน) ในราคา 740 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคาประเมินที่ 425 ล้านบาท

โดยชี้แจงว่า การเข้าทำรายการซื้อขายโรงแรมดังกล่าวนั้นทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง และมีการประเมินราคา ซึ่งบริษัทไม่ได้ซื้อขายในราคาที่สูงเกินกว่าราคาประเมิน เนื่องจากมีการคำนึงถึงประโยชน์ของบริษัท และไม่ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย สำหรับราคาประเมินที่ 425 ล้านบาท เป็นราคาประเมินเมื่อปี 61 แต่บริษัทได้มีการเข้าซื้อขายในปี 64 ซึ่งมีราคาประเมินอยู่ระหว่าง 725-782 ล้านบาท (ราคาประเมินปี 63) ซึ่งนอกจากโรงแรมดังกล่าวแล้ว บริษัทยังได้ Trade Mark ด้าน Wellness ของ Panacee Germany ซึ่งมีความแข็งแกร่งด้านการตลาดของธุรกิจ Wellness ซึ่งเป็นธุรกิจที่บริษัทให้ความสนใจเข้าลงทุนที่ไทยและจีน

2.กรณีร่วมกันกระทำการทุจริตขายห้องชุด ซึ่งตั้งอยู่ในโซนกรุงเทพของ NUSA ในราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน

โดยชี้แจงว่า การขายห้องชุดดังกล่าว ทำรายการในช่วงวิกฤตโควิด-19 ซึ่งมีสภาวะทางเศรษฐกิจที่ไม่ดี และบริษัทต้องการนำเงินมาเสริมสภาพคล่องและทำการชำระคืนสถาบันทางการเงิน จึงขายห้องชุดดังกล่าวในราคา 210 ล้านบาท และนำเงินไปชำระคืนสถาบันทางการเงินจำนวน 62 ล้านบาท และคงเหลือเป็นกระแสเงินสดกว่า 148 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังได้ปลดหลักประกันกับสถาบันทางการเงิน เป็นห้องชุดโครงการ Parc Exo อีก 456 ยูนิต มูลค่าทางบัญชีเกือบ 700 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าบริษัทจะขายห้องชุดดังกล่าวในราคา 210 บาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าราคาประเมิน แต่บริษัทยังมีกำไรจากการทำรายการดังกล่าว และมีกระแสเงินสดเพียงพอในการชำระหนี้ และเสริมสภาพคล่องธุรกิจ

ด้าน นายวิษณุ ระบุว่า การกล่าวโทษจาก ก.ล.ต.ค่อนข้างทำให้เกิดผลลบต่อครอบครัวที่สร้างชื่อเสียงมา จึงอยากออกมาชี้แจงเพื่อให้เกิดความเข้าใจ และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจในการดำเนินธุรกิจ ปัจจุบันตนและกลุ่มถือหุ้นอยู่ใน NUSA ประมาณ 20% และยังไม่มีแพลนในการขายออกมา และคาดหวังว่ากลุ่มผู้บริหารใหม่จะทำให้บริษัทดี เพราะปัจจุบันมีแต่เรื่องไม่ดีออกมา รวมถึงเรื่องเงินเดือนพนักงานในบริษัทย่อยที่ยังค้างจ่าย

ขณะที่ นางศิริญา กล่าวเพิ่มว่า อยากให้ทาง ก.ล.ต.มองถึงเหตุและผล รวมถึงเจตนาในการเข้าทำธุรกิจต่างๆ หรือการลงทุน ว่าตนไม่ได้มีเจตนาทำให้บริษัทเสียหายหรือขาดทุน แต่กำลังพยายามทำให้บริษัทอยู่รอดและเติบโตยิ่งขึ้นไป ตนสร้างบริษัทมากว่า 20 ปี ไม่มีเหตุผลใดที่จะทำให้บริษัทเกิดความเสียหาย การทุจริต หรือไซฟ่อนเงินออกมา เป็นมูลค่าเพียงเล็กน้อย เทียบไม่ได้กับสิ่งที่เราจะได้จากบริษัทที่เติบโต

“อยากสื่อสารกับ ก.ล.ต.ด้วยเหตุและผล มองภาพให้กว้างขึ้นหน่อย มันจะมีเหตุผลอะไรที่เราจะมาเอาเงินแค่ 50 ล้าน 100 ล้าน แล้วเราต้องเสียอีกเป็นพันๆ ล้าน จากที่ถือหุ้นอยู่ในบริษัท มันคุ้มค่ากับเราไหมล่ะ” นางศิริญา กล่าว

นางศิริญา กล่าวอีกว่า ขณะนี้กำลังทำโปรเจ็กต์ใหญ่ ซึ่งจะเปิดเผยรายละเอียดช่วงต้นเดือน ต.ค.นี้ โดยจะเป็นการเอาประสบการณ์ที่มีไปทำงานอื่น และจะเปิดตัวใหม่ ซึ่งเป็นธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ และตั้งเป้าหมายจะเชื่อมต่อประสบการณ์ตนสู่ทั้งประเทศ เราจะมีพาร์ทเนอร์เกี่ยวกับเรื่อง Health ทำเรื่องหลอดเลือดและหัวใจ ภายในต้นเดือนหน้า และจะเปิดตัวพาร์ทเนอร์หลายร้อยแห่งในประเทศเพื่อเชื่อมต่อกับท่องเที่ยว

Back to top button