PSH สู่เกษตรกรรม.!

นับตั้งแต่บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ของ “เจ้าสัวทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” ขึ้นสู่โฮลดิ้งคอมพานี ก็แตกแขนงไปทำธุรกิจเยอะแยะ


นับตั้งแต่บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ PSH ของ “เจ้าสัวทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์” ขึ้นสู่โฮลดิ้งคอมพานี ก็แตกแขนงไปทำธุรกิจเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจโรงแรม ที่ดอดไปจับไม้จับมือกับคู่แข่งอย่างบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI

ส่วนธุรกิจเฮลท์แคร์ ก็เล่นใหญ่ ผุดโรงพยาบาลวิมุตมาจับกลุ่มลูกค้าทั้งคนไทยและต่างชาติ กลายเป็นอีกขาที่สร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำให้กับ PSH

ไม่หยุดแค่นั้น ล่าสุดกำลังเตรียมเนี้อเตรียมตัวรุกสู่ธุรกิจใหม่ นั่นคือธุรกิจด้านเกษตรกรรมและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในพื้นที่อำเภอแม่แจ่ม จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะดำเนินการผ่านบริษัทย่อยแห่งใหม่ที่ชื่อ บริษัท เอ็มซี แอฟฟอเรสท์เทชั่น จำกัด (MC)

MC ถือเป็นบริษัทย่อยที่เพิ่งจัดตั้งสด ๆ ร้อน ๆ เมื่อวันที่ 25 ก.ย. 2567 ที่ผ่านมา มีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยโครงสร้างการถือหุ้นจะมีบริษัท รีเจน พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (RP) ซึ่งมีสถานะเป็นหลานของ PSH ถือหุ้น 100% (ถือหุ้นทางอ้อมผ่านบริษัทลูกที่ชื่อบริษัท อินโน สเปราท์ โฮลดิ้ง จำกัด (ISH))

งั้นถ้ามาไล่ลำดับเครือญาติกัน MC ก็จะมีสถานะเป็นเหลนของ PSH น่ะสิ..!! ว่าแต่ทำไมต้องซับซ้อนซ่อนเงื่อนขนาดนี้ด้วยนะ…แต่ PSH คงมีเหตุผลแหละ…

กลับมาที่การรุกสู่ธุรกิจใหม่…ถือว่าน่าสนใจ แม้ PSH ไม่ได้บอกชัดว่าธุรกิจด้านเกษตรกรรมและการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติที่ว่าคืออะไร..??

แต่ถ้าดูจากภารกิจของ MC “ที่ต้องผสานความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมเกษตรกรในพื้นที่ ปลูกไม้ยืนต้นเชิงเศรษฐกิจเพื่อนำผลผลิตที่ได้ต่อยอดสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้อง โดยรักษาความสมดุลของทรัพยากรในพื้นที่ และการใช้ประโยชน์พื้นที่”

ตีความเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจากจะเกี่ยวโยงกับธุรกิจคาร์บอนเครดิตหรือเปล่า..?? โดยการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกป่า แล้วขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งเป็นธุรกิจอินเทรนด์

ถ้าเป็นจริงดังว่า นั่นจะทำให้ PSH มีรายได้จากการขายคาร์บอนเครดิตเข้ามาเติม ขณะเดียวกันก็ได้ทำ CSR ในการส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกป่า เพิ่มพื้นที่สีเขียวลดโลกร้อน

งานนี้เท่ากับว่า ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว…ได้ทั้งเงินและกล่องเลยนะเนี่ย.!?

โอเค…เข้าใจถึงความจำเป็นของ PSH แหละ…เพราะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไปยากแล้ว และน่าจะผ่านยุคเฟื่องฟูไปแล้ว สะท้อนได้จากสถานการณ์การขายบ้านขายคอนโดฯ ที่นับวันยากขึ้นเรื่อย ๆ นอกจากดีมานด์จะหดหายไปตามกำลังซื้อที่อ่อนแอ จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวแล้ว ที่แย่ไปกว่านั้นคือยังมียอดปฏิเสธสินเชื่อบ้านและที่อยู่อาศัยของแบงก์พุ่งปรี๊ดดดซ้ำเติมอีกต่างหาก

ครั้นจะไปหวังพึ่งกำลังซื้อจากลูกค้าต่างชาติ ก็มีความไม่แน่นอนสูง เลยทำให้ค่ายอสังหาฯ ต้องพยายามดิ้นรนหนีตายด้วยการไปแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ…

ต้องติดตามกลยุทธ์การกระจายความเสี่ยงของ PSH ว่าหลังจากทำธุรกิจโรงแรมไปแล้ว ส่วนธุรกิจโรงพยาบาลก็ทำแล้ว รวมทั้งธุรกิจแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซก็ทำไปแล้ว และกำลังจะทำธุรกิจด้านเกษตรกรรม ต่อไปจะทำธุรกิจอะไรเพิ่มเติมอีก..??

เชื่อเถอะว่า PSH คงไม่หยุดอยู่แค่นี้หรอก…

เพราะสถานการณ์มันบีบให้ต้องทำ (เพื่อปากท้องและความอยู่รอด)..หรือใครจะเถียง..!?

…อิ อิ อิ…

Back to top button