พาราสาวะถี
หยุดเล่นกับไฟ หันไปลุยน้ำ และสร้างกระแสฟื้นคะแนนนิยมจากการแจกเงินหมื่นบาทให้กับกลุ่มเปราะบางและคนพิการที่มีจำนวน 14.5 ล้านคนดีกว่า
หยุดเล่นกับไฟ หันไปลุยน้ำ และสร้างกระแสฟื้นคะแนนนิยมจากการแจกเงินหมื่นบาทให้กับกลุ่มเปราะบางและคนพิการที่มีจำนวน 14.5 ล้านคนดีกว่า ดังนั้น จึงไม่ต้องถามว่าทำไม แพทองธาร ชินวัตร จึงจับมือแกนนำพรรคเพื่อไทยใส่เกียร์ถอยแก้รัฐธรรมนูญรายมาตราว่าด้วยปมมาตรฐานจริยธรรม ทั้งที่ก่อนหน้าเปิดเกมรุกทำท่าว่าจะต้องเป็นเรื่องเร่งด่วนที่รีบทำ แต่ยังไม่หมดเคราะห์กรรมเสียทีเดียว เพราะมีคนไปยื่นร้องให้เอาผิด สส.พรรคแกนนำที่เข้าชื่อเสนอขอแก้ไขดังกล่าว
ตรงนั้นยังอีกยาวไกล เมื่อถอยไม่ได้เดินหน้า ก็อาจจะเอาผิดได้ยาก ทว่าเมื่อเป็นนิติสงครามย่อมนำมาซึ่งความหวั่นไหวของนักเลือกตั้งกว่า 100 รายเป็นธรรมดา อย่างไรก็ตาม หลังจากที่นายกฯ อุ๊งอิ๊งชิ่งเรื่องร้อน ก่อนจะประกาศเดินหน้าแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ปลายสัปดาห์ตั้งแต่วันนี้ (27 กันยายน) จะลงพื้นที่เชียงรายไปตรวจซ้ำ หนนี้ดูทั้งเรื่องสถานการณ์น้ำท่วม และโฟกัสการขุด เคลื่อนย้ายโคลนที่มากับน้ำ สร้างปัญหาอันใหญ่หลวงให้กับผู้ประสบภัย
ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะไปเชียงใหม่ ติดตามน้ำท่วมในตัวเมืองที่ถือว่าหนักหนาสาหัส เรื่องน้ำลด การระบายน้ำ ต้องว่ากันไปตามสภาพหน้างาน การเป็นทั้งเมืองใหญ่ แหล่งเศรษฐกิจที่สำคัญ และพื้นที่ที่เคยเป็นฐานเสียงหลักของพรรคเพื่อไทย การลงพื้นที่หนนี้ของแพทองธาร คงต้องนำคำตอบว่าด้วยการช่วยเหลือ เยียวยาหลังสถานการณ์กลับคืนสู่ภาวะปกติให้ผู้ที่ประสบภัยได้ฟังแล้วชื่นใจ มีความหวังด้วย งานลุย (แก้ปัญหา) น้ำแบบนี้ มีแต่จะได้รับเสียงชื่นชมจากผู้คน
เมื่อผู้นำขยับ ทำในสิ่งที่ควรทำ พรรคร่วมรัฐบาลสำคัญอย่างภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกูล ก็พลอยโล่งอกตามไปด้วย ไม่ใช่เพราะกลัวข้อกล่าวหา “กลับลำ” ยังไงปมแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา ต้องยอมรับว่าพรรคสีน้ำเงินถือแต้มที่เหนือกว่า ไม่เฉพาะเรื่องนี้ กฎหมายทุกฉบับด่านสุดท้ายต้องได้รับความเห็นชอบจาก สว.ก่อน รู้กันอยู่แล้วว่า ใครคือผู้กุมเสียงของสมาชิกสภาสูง นั่นไม่ใช่ประเด็นหลัก ทั้งหมดทั้งมวลคือเสถียรภาพของรัฐบาล
ในมุมของเสี่ยหนูแม้จะอยู่ในฐานะผู้กุมความได้เปรียบ แต่การที่ไม่ได้เป็นพรรคเสียงข้างมากในซีกรัฐบาล ยังไงก็ต้องจับมือกันให้แน่นกับเพื่อไทยไว้ก่อน เหมือนที่เจ้าตัวบอก ใครที่หวังจะเสี้ยมให้เกิดความแตกแยกไม่มีทางสำเร็จ ที่หลายคนอาจจะลืมไปคงเป็นเพราะรัฐบาลไม่ได้เปลี่ยนขั้วจึงคิดว่าอยู่กันมานาน ทั้งที่ความจริงรัฐบาลแพทองธาร เพิ่งทำงานได้แค่สองสัปดาห์เท่านั้น ดังนั้น จึงต้องให้โอกาส ขณะเดียวกัน ฝ่ายกุมอำนาจก็ต้องจัดลำดับความสำคัญของปัญหาที่จะแก้ไขด้วย
เป็นเรื่องที่ถูกต้องที่นายกฯ หญิงจะไปทุ่มเทกับการแก้ปัญหาน้ำท่วม ดูแลความเดือดร้อนของประชาชนเป็นการเร่งด่วน ยิ่งการได้กดปุ่มเริ่มแจกเงินหมื่นบาทให้กับกลุ่มเปราะบางไปแล้ว จึงไม่มีความจำเป็นใด ที่จะต้องไปเร่งเร้าจุดประเด็นที่จะนำมาซึ่งความขัดแย้ง หลังตั้งหลักได้ เชื่อว่าจากนี้จะได้เห็นนโยบายที่มุ่งเน้นแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ไม่ใช่แค่ถอนฟืนออกจากกองไฟ แต่ยังจะเป็นการเร้ากระแส สร้างแรงหนุนเพื่อที่จะสู้กับพวกทำนิติสงครามด้วย
อย่างไรก็ตาม การจ่ายเงินหมื่นบาทให้กับกลุ่มเปราะบางและคนพิการ แม้ส่วนใหญ่จะดีใจที่ได้เงินไปใช้จ่าย แก้ความขัดสนในภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ แต่ก็มีอีกจำนวนไม่น้อย ที่ปรากฏเป็นภาพข่าวคือ มีเจ้าหนี้นอกระบบไปเฝ้าลูกหนี้ที่ได้เงินหมื่นถึงหน้าตู้เอทีเอ็ม แล้วข่มขู่ ริบเงินไปทั้งหมด เช่นนี้ก็เท่ากับเป็นการซ้ำเติม และท้าทายนโยบายการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบของรัฐบาลไปในตัว เข้าใจได้ว่าคนเป็นหนี้ก็ต้องใช้ แต่เงินที่รัฐบาลให้ก็ควรจะเหลือไว้ให้ลูกหนี้ได้นำไปใช้จ่ายบ้าง
ไปพูดขอความเห็นใจกับพวกหน้าเลือดคงฟังยาก อยู่ที่ฝ่ายกุมอำนาจเท่านั้นว่าจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไง เสี่ยหนูในฐานะนั่งเก้าอี้ มท.1 ก็พูดในเชิงหลักการหากพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ สามารถแจ้งเจ้าหน้าที่จับกุมได้ทันที คงไม่ใช่การกระทำของพวกแก๊งทวงเงินทั้งหมดและเป็นส่วนน้อย แต่เมื่อปรากฏภาพในลักษณะนี้ ย่อมไม่เป็นผลดี ตัดประเด็นท้าทายเรื่องหนี้นอกระบบของรัฐบาลทิ้ง ก็ยังเหลือว่า ถ้าคนได้เงินหมื่นแล้วไม่ได้นำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ที่รัฐบาลตั้งไว้ การกระตุ้นเศรษฐกิจ พายุหมุนที่ตั้งเป็นความหวังไว้ก็ย่อมไม่เกิดขึ้นเช่นเดียวกัน
ถือเป็นโจทย์สำคัญที่แพทองธาร หรืออาจจะโยนให้ทางกระทรวงการคลังที่เป็นเจ้าภาพต้องไปหาหนทางแก้ไข ควบคู่ไปกับการแจกเงินในเฟสสองที่ยังเหลือกลุ่มผู้ลงทะเบียนไว้ก่อนหน้ากว่า 30 ล้านคน ไม่นับรวมกลุ่มไม่มีสมาร์ทโฟน ไม่ว่าจะติดขัดปัญหาเรื่องใดก็ตาม จะมาลีลา ออกลูกยึกยักเหมือนรัฐบาลที่ผ่านมาไม่ได้แล้ว เพราะถือว่าคนส่วนใหญ่ได้ให้โอกาสและเวลามามากพอแล้ว ขณะที่คณะทำงานทั้ง รมว.และ รมช.คลังก็เป็นชุดเดิม ย่อมรู้แล้วว่าอุปสรรคที่เผชิญคืออะไร การประกาศเดินหน้าดิจิทัลวอลเล็ตต่อแต่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ เท่ากับเข้าอีหรอบเดิมยังกล้า ๆ กลัว ๆ ทำไปแล้วจะเป็นปัญหากับรัฐบาลหรือไม่
หากกลัวความเสียหายใหญ่หลวง ควรยอมเสียหน้าตั้งแต่วันนี้ ประกาศไปเลยว่าไม่สามารถเดินต่อได้ ด้วยข้อจำกัดเรื่องอะไรบ้าง แล้วจะมีอะไรมาชดเชยหรือทำให้ประชาชนมีความหวังในการยกระดับคุณภาพชีวิตน่าจะดีกว่าการใช้วิธีติ๊ดชึ่งไปวัน ๆ ทำไปทำมากลายเป็นว่า นับตั้งแต่การเข้ามาทำหน้าที่ผู้นำประเทศของอุ๊งอิ๊ง ผู้มีอำนาจที่แท้จริงในรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะตัดสินใจทำอะไรแต่ละเรื่อง ไม่ได้เด็ดเดี่ยว เด็ดขาด เหมือนที่ผ่านมา ต่อให้มั่นใจในพลังเบื้องหลังขนาดไหน ก็ไม่กล้าที่จะเสี่ยงกับกับดักนิติสงคราม
ใกล้จะสิ้นเดือนกันยายน การแต่งตั้งโยกย้ายทั้งในส่วนของกองทัพและส่วนราชการอื่นจบกันไปหมดแล้ว เหลือในส่วนของเก้าอี้ ผบ.ตร.ที่ “บิ๊กต่อ” พลตำรวจเอก ต่อศักดิ์ สุขวิมล จะเกษียณอายุราชการ แต่ยังไม่มีการแต่งตั้งใหม่ นั่นเป็นเพราะต้องรอให้กฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตำรวจปี 2567 มีผลบังคับใช้หลังวันที่ 3 ตุลาคมนี้ไปก่อน ทำให้ “บิ๊กต่าย” พลตำรวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ที่ถูกคาดหมายว่านอนมาในเก้าอี้นี้ อาจต้องร้องเพลงรอไปก่อน และไม่แน่ว่าบางทีอาจได้เป็นแค่รักษาการ ผบ.ตร.ไปยาว ๆ
อรชุน