ราคากาแฟ-น้ำตาลโลกพุ่ง นิวไฮรอบ 13 ปี เซ่นบราซิลเผชิญภัยแล้ง
บราซิลผู้ผลิตกาแฟและน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดของโลก เจอวิกฤตภัยแล้ง ส่งผลให้ราคากาแฟแตะระดับสูงสุดในรอบ 13 ปีที่ 2.7380 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อปอนด์ ขณะที่ราคาน้ำตาลแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ 23.71 เซนต์ต่อปอนด์
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27ก.ย.67) สำนักข่าว “รอยเตอร์ส” ระบุว่า ราคากาแฟและน้ำตาลโลกพุ่งแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่ในรอบ 13 ปี หลังจากนักลงทุนยังคงกังวลสถานการณ์ภัยแล้งในบราซิล ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตกาแฟและน้ำตาลรายใหญ่ที่สุดของโลก จึงส่งผลให้สัญญาซื้อขายกาแฟอราบิก้า ล่วงหน้าในตลาด ICE แตะระดับสูงสุดอยู่ที่ 2.7380 ดอลลาร์สหรัฐต่อปอนด์เมื่อวันที่ 26 ก.ย.67 (ช่วงเช้าตามเวลาประเทศไทยวันนี้) ขณะที่สัญญาน้ำตาลแตะระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนอยู่ที่ 23.71 เซนต์ต่อปอนด์
โดยการพยากรณ์อากาศของโลกยังคงระบุชี้ถึงสภาพอากาศที่แห้งแล้งอย่างต่อเนื่องในบราซิล ซึ่งถือว่ากำลังเผชิญกับภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ส่งผลให้เกิดไฟไหม้ในพื้นที่การเกษตรในบางภูมิภาคที่ผลิตน้ำตาล ขณะเดียวกันผลผลิตกาแฟอราบิก้า ที่ตอนนี้ต้นกาแฟอยู่ในช่วงผลิออกดอก ก็ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งมากขึ้นด้วยเช่นกัน
ด้านนักวิเคราะห์กลุ่มตลาดหลักทรัพย์ลอนดอน หรือ LSEG เปิดเผยว่า ถึงแม้ว่าล่าสุดแบบจำลองสภาพอากาศมีการคาดการณ์ว่าจะมีฝนตกในบราซิล แต่ก็อาจจะเกิดขึ้นในช่วงกลางถึงปลายเดือนต.ค.67 หรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้ ซึ่งโดยภาพรวมการพยากรณ์อากาศสำหรับบราซิล ค่อนข้างเป็นไปในเชิงลบในช่วงกำลังเข้าสู่เดือนต.ค. แต่ก็มีความหวังว่าสถานการณ์จะบรรเทาลงในช่วงปลายเดือนต.ค.
สำหรับ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมกาแฟของตลาดนิวยอร์ก ระบุว่า ต้นกาแฟในบราซิลอาจจะฟื้นตัวได้ ถ้าหากมีฝนตกอย่างต่อเนื่อง แต่สถานการณ์ภาวะผลผลิตภาพรวมก็ยังคงมีความเสี่ยงมากอยู่เช่นกัน
ขณะที่เวียดนาม ยักษ์ใหญ่ตลาดกาแฟ โรบัสต้า ก็ประสบปัญหาราคาในตลาดท้องถิ่นลดลงในสัปดาห์นี้ ก่อนถึงฤดูการเก็บเกี่ยวกาแฟครั้งใหม่ เนื่องจากมีปัญหาสภาพอากาศที่ยังไม่เอื้ออำนวยหลังจากเจอพายุไต้ฝุ่นเล่นงาน
ส่วนตลาดน้ำตาลนิวยอร์ก ซึ่งมีความคาดหวังว่าบราซิลจะเข้าสู่ช่วงผลผลิตออกมา แต่เหตุภัยแล้งทำให้ผลผลิตออกมาล่าช้ากว่าในรอบหลายทศวรรษ ส่งผลเสียต่อกลยุทธ์ระยะยาวของนักลงทุนตลาดน้ำตาลในนิวยอร์กอีกด้วย