CFARM รุกอุตสาหกรรมโค 1,250 ตัว มูลค่า 420 ล้านบาท เริ่มผลิตนม Q1/69

CFARM รุกธุรกิจอุตสาหกรรมโค ขนาด 1,250 ตัว มูลค่าการลงทุน 419.58 ล้านบาท คาดเริ่มผลิตนมเชิงพาณิชย์ไตรมาส 1/2569 พร้อมขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น เปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้ IPO จำนวน 156.62 ล้านบาท เพื่อต่อยอดการเติบโต และหาโอกาสใหม่ทางธุรกิจ


นายชูรัตน์ จึงธนสมบูรณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชูวิทย์ฟาร์ม (2019) จำกัด (มหาชน) หรือ CFARM ประกอบธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่เนื้อให้กับคู่สัญญาในรูปแบบเกษตรพันธสัญญาแบบประกันราคา เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2567 เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2567 อนุมัติเข้าลงทุนในอุตสาหกรรมโค ขนาด 1,250 ตัว พร้อมอาคารสิ่งปลูกสร้างและเครื่องจักรการผลิตน้ำนมดิบเฉลี่ย 17 ล้านลิตรต่อปี บนที่ดินของบริษัท ที่ตำบลโคกสูง อำเภอหนองกี่ จังหวัดบุรีรัมย์ โดยมีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 419.58 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเริ่มผลิตนมเชิงพาณิชย์ได้ในช่วงไตรมาส 1 ปี 2569

โดยการลงทุนดังกล่าวเป็นการต่อยอดการเติบโตและหาโอกาส ใหม่ในการกระจายความเสี่ยงของบริษัทไปสู่ธุรกิจใกล้เคียง คือกลุ่มธุรกิจปศุสัตว์ที่บริษัทมีความเชี่ยวชาญ บริษัทจึงเล็งเห็นโอกาส และช่องทางการเติบโตจากลงทุนในอุตสาหกรรมโค ซึ่งคาดว่าจะสร้างผลตอบแทนจากการดำเนินงาน รวมถึงเป็นโอกาสในการเติบโตที่มั่นคงให้บริษัทในระยะยาว

สำหรับแหล่งที่มาของเงินลงทุนในโครงการดังกล่าว มาจากเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและ/หรือการขอรับการสนับสนุน ทางการเงินจากสถาบันการเงิน นอกจากนี้ ณ 30 มิถุนายน 2567 บริษัทยังมีเงินระดมทุนจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) คงเหลือจำนวน 156.62 ล้านบาท ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการขออนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น เพื่อขอเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้เงินดังกล่าว โดยจะมีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2567 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 ซึ่งต้องได้รับมติอนุมัติไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของผู้มีสิทธิออกเสียงและมาร่วมประชุม

ทั้งนี้หากบริษัทไม่ได้รับการอนุมัติจากผู้ถือหุ้น บริษัทยังสามารถจัดหาแหล่งเงินทุนสำรองจากสถาบันการเงิน และ/หรือจากแหล่งเงินทุนอื่น เพื่อพัฒนาโครงการต่อไป โดยบริษัทจะพิจารณาจัดหาแหล่งเงินทุนอย่างระมัดระวัง โดยคำนึงถึงประโยชน์ของบริษัทและผู้ถือหุ้นเป็นเป็นสำคัญ เพื่อให้เป็นไปตามแผนงาน ที่บริษัทวางไว้

โดยบริษัทคาดว่าการเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้เงินดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบในทางลบต่อการดำเนินธุรกิจ และสภาพ คล่อง ณ ปัจจุบันของบริษัท และบริษัทจะยังคงดำเนินธุรกิจหลักของบริษัทต่อไป แต่การเปลี่ยนแปลงวัตถุประสงค์การใช้เงินดังกล่าว เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโตและสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับบริษัทในระยะยาว อีกทั้งการมีแหล่งรายได้ที่หลากหลายจะช่วยเสริมสร้าง ความมั่นคงทางการเงินให้กับบริษัท และยังถือเป็นช่วยสนับสนุนเศรษฐกิจในชุมชนอีกด้วย

สำหรับธุรกิจปัจจุบัน บริษัทมีการทำธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่พันธุ์เนื้อ ให้กับคู่สัญญา ซึ่งบริษัทมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจเกษตร ด้วยเหตุนี้ การนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้น IPO ไปใช้ตามวัตถุประสงค์เดิมจึงอาจมิได้ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัท และผู้ถือหุ้น บริษัทจึงมีความจำเป็นต้องพิจารณาและลดความเสี่ยงในการทาธุรกิจฟาร์มปศุสัตว์ ประเภทฟาร์มเลี้ยงไก่พันธุ์เนื้อเพียงประเภทเดียว บริษัทจึงได้เริ่มศึกษาเกี่ยวกับอุตสาหกรรมโค คาดว่าธุรกิจดังกล่าวอาจจะส่งผลดี และช่วยในการกระจายความเสี่ยงจากการประกอบธุรกิจในปัจจุบัน บริษัทจึงมีการขยายไปทำอุตสาหกรรมโค เพื่อเลี้ยงและผลิตน้ำนม คาดว่าจะสามารถสร้างโอกาสทางธุรกิจและช่วยในการกระจายความเสี่ยงจากการประกอบธุรกิจในปัจจุบันของบริษัท จากกรณีดังกล่าวได้ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสใน การสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับบริษัทในระยะยาว

Back to top button