เปิดใจ “ยุทธนา แพรดำ” หัวเรือใหญ่ “ดีเอสไอ” กับภารกิจปราบโกง “ตลาดทุน”

พ.ต.ท.ยุทธนา แพรดำ เปิดใจครั้งแรกหลัง ครม.ไฟเขียวแต่งตั้งเป็น “อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ” คนที่ 12 ประกาศพร้อมเดินหน้าทำงานสางคดีเกี่ยวกับเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการปราบปรามทุจริตในตลาดทุน


เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 67 ที่ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้จัดงานวันวันคล้ายวันสถาปนาครบรอบปีที่ 22 โดย  พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า สำหรับในช่วงนี้ถือว่าเป็นการปฏิรูปกระบวนการทำงานเกี่ยวการยุติธรรม ที่ผ่านมาดีเอสไอถือว่าปฏิบัติงานได้เป็นที่ยอมรับของสังคม โดยการดำเนินการต่อจากนี้จะต้องยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางในการทำงาน เพื่อให้เกิดความยุติธรรมกับประชาชนโดยถ้วนหน้า  โดยดีเอสไออาจจะต้องดูอาชญากรรมอันตรายสังคมที่เป็นส่วนรวมที่เป็นวิถีชีวิตของประชาชนให้สมกับเจตนารมณ์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการสอบสวน ซึ่งจะต้องยึดหลัก 3 ข้อ คือ หลักกฎหมาย หลักวิชาการ และหลักยุติธรรม ซึ่งต้องมีการอบบรมสัมมนาเพื่อเพิ่มความรู้ความเชี่ยวชาญในการสอบสวนด้วย  รวมถึงการพัฒนาความรู้ความเชี่ยวชาญในการพิจารณาคดี การพัฒนาเทคโนโลยีและพัฒนาวิธีการช่วยเหลือเหยื่อ ที่ปัจจุบันมีภัยจากออนไลน์และตลาดเงินตลาดทุน

พ.ต.ท.ยุทธนา แพรดำ รองอธิบดีดีเอสไอ รักษาราชการแทนอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า การดำเนินการของดีเอสไอจะมีการสานต่อจากนโยบายทของรัฐบาลและของกระทรวงยุติธรรม ไม่ว่าจะเป็นการไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเงินกู้นอกระบบและเรื่องยาเสพติด ซึ่งจะมีการบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะการตัดวงจรทางการเมือง หรือมาตรการฟอกเงินทางอาญาที่ดีเอสไอสามารถดำเนินการได้ รวมถึงการฉ้อโกงทางออนไลน์ ความผิดทางเศรษฐกิจ ก็จะมีการร่วมบูรณาการกับหน่วยงานที่เป็นเจ้าภาพ เช่น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการบูรณาการร่วมกันแก้ปัญหา และการฟื้นฟูด้านหลักยุติธรรม เน้นเชิงรุกในการมอบความเป็นธรรมให้ประชาชน

สำหรับความคืบหน้าเกี่ยวกับหมูเถื่อนนั้น เรื่องนี้ได้ส่งเรื่องให้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) แต่พบว่าจากการสอบสวนมีความมเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ในการทำผิดโดยตำแหน่งหน้าที่ อำนาจจึงอยู่ที่ปปช. จึงจะทยอยส่งสำนวนไปแล้ว 90% ดังนั้นจึงเหลือในส่วนที่รอพยานหลักฐานจากต่างประเทศ ด้วยคดีหมูเถื่อนนั้นพบมี 2,388 ตู้

ส่วนคดีบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ในเฟสแรกได้ส่งสำนวนให้อัยการสอบสวนแล้วและผู้ต้องหาก็อยู่ในเรือนจำ และเฟสสอง ก็อยู่ในการดำเนินคดีเพิ่มอีกหลายคนในความผิดอาญาฐานฟอกเงิน ในการรับทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำผิด ที่ซึ่งผู้ต้องหาได้มีการถ่ายโอนทรัพย์สินให้ไปยังบุคคลที่2และ3 ซึ่งดีเอสไอก็จะมีการดำเนินคดีทั้งหมด ส่วนมูลค่าความเสียหายที่ตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ 3-4 พันล้านบาท ที่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.)ทำการอายัดไว้

ส่วนคดีของ  บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA  ก็ได้รับเป็นคดีพิเศษแล้ว และ  บริษัท ณุศาศิริ จำกัด (มหาชน) หรือ NUSA นั้น ทางดีเอสไอได้รับเป็นคดีพิเศษแล้วเช่นกัน แต่ก็พบว่ามีการกระทำผิดบางอย่างมีช่องว่าง ทำให้อำนาจทำคดีอยู่ที่อัยการสูงสุดต้องเป็นผู้พิจารณา ขณะนี้พนักงานสอบสวนได้เสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดได้พิจารณา ซึ่งความผิดตาม พ.ร.บ.หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในหมวดความผิด คือ ผู้บริหารกระทำการทุจริต.

Back to top button