ททท. ปักหมุดโค้งสุดท้ายปี 67 ดึงต่างชาติเที่ยวไทยเพิ่ม 20%    

ททท. ปักหมุดโค้งสุดท้ายไตรมาส 4 ปี 67 ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติ เที่ยวไทยเพิ่มขึ้น 20% เพื่อให้ถึงเป้าหมายปีนี้ที่ตั้งไว้ 36.7 ล้านคน พร้อมวางเป้าหมายรายได้ปี 68 อยู่ที่ 3.240 ล้านล้านบาท


นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. เปิดเผยว่า ภาพรวมไตรมาส 4/67 (ต.ค.-ธ.ค.67) คาดจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง แม้มีผลกระทบจากเหตุการณ์น้ำท่วมในไทย ซึ่งก่อนหน้านี้มองว่าอาจกระทบทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติชะลอตัวลงบ้าง แต่ช่วงที่ผ่านมากลับไม่ได้มีการชะลอตัวลง อาทิ ตลาดนักท่องเที่ยวจีน เข้ามาเที่ยวไทยในช่วงหยุดยาววันชาติจีนสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ เดิม 1.3 แสนคน แต่มีเข้ามามากกว่า 2 แสนคน ตั้งแต่วันที่ 1-7 ต.ค.67 โดยภาคเอกชนสะท้อนตัวเลขมาว่ายอดจองช่วงวันชาติจีน เพิ่มขึ้นสูงสุดถึง 200%

ดังนั้นเดือนที่เหลือช่วงไตรมาสสุดท้ายปี 67 หากจะต้องการให้ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 36.7 ล้านคน จะต้องดึงต่างชาติเที่ยวไทยเพิ่มอีก 20% เทียบกับปี 66 ที่ทำได้ประมาณ 7.9 ล้านคน แบ่งเป็นเดือนต.ค. อยู่ที่ 2.1 ล้านคน เดือนพ.ย. 2.6 ล้านคน และเดือนธ.ค. 3.2 ล้านคน

ด้าน นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า จากเป้าหมายที่จะต้องไปให้ถึงและทำให้ได้ มองว่าไม่ได้ยากเพราะมีปัจจัยสนับสนุนจากจำนวนเที่ยวบินที่ฟื้นตัวกลับคืนมาเพิ่มขึ้น ทั้งการเปิดเส้นทางใหม่ และการกลับมาบินอีกครั้ง รวมถึงแคมเปญกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวต่างๆ อาทิ หนีห่าว มันธ์ (Nihao Month) มาตรการวีซ่าฟรี รวมถึงมีการบริหารความเสี่ยงจากปัจจัยลบต่างๆ ที่เข้ามาส่งผลกระทบ ทั้งวิกฤตทางธรรมชาติ ค่าเงินบาทแข็ง หรือค่าเงินเยนอ่อน หนุนให้การท่องเที่ยวญี่ปุ่นเติบโตมากขึ้น ซึ่งททท.เตรียมแผนรับมือไว้แล้วคือ การเจาะตลาดนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นกลุ่มใหม่ กลุ่มแม่บ้านที่ทำงานด้วย กลุ่มครอบครัว และกลุ่มผู้ที่เพิ่งมีหนังสือเดินทางเป็นครั้งแรก เพื่อดึงเข้ามาเที่ยวไทยมากขึ้น

“การฟื้นตัวของเที่ยวบิน พบว่ามีสายการบินฟื้นตัวมากกว่าเดิม ทั้งการบินใหม่และการกลับมาบินอีกครั้ง อาทิ เยอรมัน ที่เดิมบินเข้ามาแบบเช่าเหมาลำ ก่อนจะเริ่มบินแบบพาณิชย์มากขึ้น รวมถึงเห็นในบางตลาดที่ปรับตัวดีขึ้นแบบดีวันดีคืน อาทิ ออสเตรเลีย บินไปยังภูเก็ต-กระบี่-พังงา ถือว่าการท่องเที่ยวภาคใต้เติบโตได้ดีมากขึ้นแล้ว โดยเฉพาะภูเก็ต ที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นมาสูงมาก จนไม่มีช่วงตกท้องช้าง หรือช่วงของการท่องเที่ยวที่ชะลอตัวลงเลย ส่วนราคาถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ไม่ได้มีการปรับราคาขึ้นสูงเกินไป ด้านตลาดระยะใกล้ ถือว่าปรับเพิ่มขึ้นได้ดีเช่นกัน โดยเฉพาะอินเดีย ที่มีเที่ยวบินเพิ่มขึ้นจากหลายเมือง ทั้ง โกลกาตา และ อาห์มาดาบัด” นางสาวฐาปนีย์ กล่าวเสริม

นอกจากนี้ ผู้ว่าการททท. เปิดเผยอีกว่า นายสรวงศ์ เทียนทอง รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา ให้ความสำคัญกับการดึงกลุ่มนักลงทุนต่างชาติเข้ามาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น การแข่งขันฟอร์มูลาวัน เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หรือการจัดกิจกรรมอีเวนต์ขนาดใหญ่หลักๆ ซึ่งช่วยสนับสนุนการเข้ามาลงทุนในประเทศไทยทุกเรื่อง ที่จะส่งผลต่อการท่องเที่ยวไทยให้เกิดการเติบโตมากขึ้น โดยส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน เพื่อการันตีผลเชิงบวกในด้านการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน โดยเฉพาะเมืองน่าเที่ยวที่จะมีการจัดกิจกรรม เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น อาทิ การแข่งขันโมโตจีพี ที่บุรีรัมย์ มีต่อเนื่องหลายปี ทำให้นักลงทุนที่จะเข้ามาพัฒนาสถานประกอบการ อาทิ โรงแรม เพิ่มความมั่นใจมากขึ้น จากนี้จะมีการมุ่งเน้นยกระดับการความต่อเนื่องในการจัดกิจกรรม เพื่อยกระดับความมั่นใจให้กับนักลงทุนมากขึ้นอีกด้วย

อย่างไรก็ตาม เรื่องของค่าเงินบาท ซี่งยังแข็งค่าอยู่นั้น ททท. ยอมรับว่า กระทบต่อการท่องเที่ยวไทย แต่ผู้ประกอบการจะต้องนำเสนอสินค้าให้น่าสนใจและดึงดูดลูกค้า ไม่ว่าค่าเงินบาทจะแข็งค่าเท่าใดก็ต้องเดินไปต่อ แต่หากยังแข็งค่าในระดับ 32 บาทต่อดอลลาร์แบบต่อเนื่อง อาจไม่กระทบมากนัก ทว่าหากแข็งค่าไปถึง 31 บาทต่อดอลลาร์ ก็อาจกระทบการท่องเที่ยวไทยได้ ยกตัวอย่าง ญี่ปุ่น ที่เห็นการท่องเที่ยวญี่ปุ่นเติบโตขึ้นมาก รวมถึงคนไทยนิยมไปเที่ยวญี่ปุ่นสูงเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลงเช่นกัน

สำหรับ เป้าหมายปี 68 ททท.คาดการณ์จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย จำนวน 38.29 ล้านคน สร้างรายได้ 2.106 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% และนักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย จำนวน 203.80 ล้านคนครั้ง เพิ่มขึ้น 11% สร้างรายได้ 1.134 ล้านล้านบาท หรือสร้างรายได้รวม 3.240 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นแนวโน้มที่ประเมินจากภาพรวมการท่องเที่ยวปี 67 ส่วนเป้าหมายการทำงานนั้น ททท.เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทย จำนวน 39 ล้านคน สร้างรายได้ 2.232 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวไทยเที่ยวไทย จำนวน 205 ล้านคนครั้ง สร้างรายได้ 1.170 ล้านล้านบาท รวมสร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 3.402 ล้านล้านบาท

นางสาวฐาปนีย์ กล่าวว่า แผนการท่องเที่ยวปี 68 ที่จัดทำไว้ ถือว่าเป็นแผนที่ดีอยู่แล้ว มีการบริหารความเสี่ยงไว้รองรับปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ อาทิ ภัยพิบัติธรรมชาติ สงครามทางภูมิรัฐศาสตร์ แต่ยังไม่รู้ว่าสงครามการสู้รบทางภูมิรัฐศาสตร์จะจบลงเมื่อใด และเกินรับไหวหรือไม่ ทั้งสงครามอิสราเอล-รัสเซีย ซึ่งการที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศมองว่า ประเทศไทยเป็นกลาง ไม่ได้ขัดแย้งกับใคร มีความปลอดภัย ทำให้สงครามไม่ได้กระทบกับการเข้ามาเที่ยวไทย ในทางกลับกันมีนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีสงครามเลือกเข้ามาเที่ยวไทยเพิ่มขึ้นด้วย แต่ต้องยอมรับว่า แผนที่รวมภัยพิบัติเข้าไปแล้ว แต่เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ทั่วโลกรวมถึงไทยด้วย อยู่เหนือความคาดหมายจริงๆ ซึ่งถือเป็นปัจจัยที่ทำให้นักท่องเที่ยวชะลอการเดินทางลง

“โดยช่วงเดือนธ.ค.67 จะมีงานอะเมซิ่งไทยแลนด์ มาราธอน แบงค๊อก 2024 คาดว่าจะมีผู้ร่วมงาน 30,712 คน แยกเป็นนักวิ่งต่างชาติ 6,000 คน คิดเป็น 20% ทำรายได้ทางตรงไม่น้อยกว่า 485 ล้านบาท เพราะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาร่วมงานวิ่ง บางคนเลือกเดินทางมาพักในไทยเป็นสัปดาห์ เพื่อทำการซ้อมก่อน จากนั้นจะพักหลังใกล้วันวิ่งจริง ส่วนใหญ่นิยมมาเป็นครอบครัว ช่วยให้เกิดการใช้จ่ายและเดินทางท่องเที่ยวในพื้นใกล้ที่พัก รวมถึงยังเตรียมเปิดเส้นทางท่องเที่ยว 5 ภาค เพื่อตามรอยหมูเด้ง ที่กำลังได้รับความนิยมสูงมากในตอนนี้” ผู้ว่าการ ททท. กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button