พาราสาวะถี

วันนี้ (10 ตุลาคม) ตั้งแต่ 7 โมงเช้าตามคำขู่ของ ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ บอกให้จับตาดูจะมีเรื่องใหญ่ และอาจจะพัฒนาไปสู่บทจบของพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทย


วันนี้ (10 ตุลาคม) ตั้งแต่ 7 โมงเช้าตามคำขู่ของ ไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ บอกให้จับตาดูจะมีเรื่องใหญ่ และอาจจะพัฒนาไปสู่บทจบของพรรคแกนนำรัฐบาลอย่างเพื่อไทย คอยดูว่าน่าหวั่นไหวจนต้องแตกตื่นกันทั้งพรรคนายใหญ่และกองเชียร์ หรือแค่ปั่นกระแส สร้างความระส่ำระสายให้กับพรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น เพราะเอาเข้าจริงเห็นการล็อกเป้าหมายทางการเมืองผ่านการจูบปากของ ทักษิณ ชินวัตร กับ เนวิน ชิดชอบ แล้ว แทบจะบอกได้ว่าแนวร่วมทางการเมืองไม่มีเปลี่ยนแปลง

ไม่ว่าหวยจะออกมาแบบไหน แต่ตราบใดที่จำนวน สส.ของพรรคร่วมปัจจุบันยังอยู่เท่าเดิม เรื่องคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีไม่ใช่ปัญหา หาก แพทองธาร ชินวัตร ต้องมีอันกระเด็นตกเก้าอี้ ยังไงผู้นำประเทศคนต่อไปก็ต้องเป็น อนุทิน ชาญวีรกูล ไม่ใช่คนบ้านในป่าที่อยากเป็นจนตัวสั่นอย่างแน่นอน ประเภทเผาบ้านเพื่อฆ่าหนูตัวเดียวนั้น ไม่มีทางเกิดขึ้นอีกแล้ว บทเรียนหายนะกว่า 10 ปีภายใต้เผด็จการ คสช.ทำให้รู้ว่า บ้านเมืองควรเดินบนเส้นทางใด 

เสียงวิจารณ์รอบทิศที่เกิดขึ้นภายหลังจากเสี่ยห้อยเข้าพบนายใหญ่ ใครจะบอกว่าแก้วที่แตกแล้วยากประสาน หรือความไว้เนื้อเชื่อใจไม่มีทางสนิทแนบแน่นเหมือนเดิม นั่นอาจเป็นลักษณะของบุคคลทั่วไป แต่นักการเมืองประเภทเขี้ยวลากดิน เหมือนพวกที่บรรลุธรรมขั้นปล่อยวาง แค่ไม่ใช่หนทางที่จะนำไปสู่ความหลุดพ้น ทว่าเป็นแนวทางที่จะร่วมกันเดินไปสู่ผลประโยชน์ประเภทวิน-วินเกม หากจะเอาแต่ได้ทั้งหมด หรือโกยแต่ฝ่ายเดียว พอถึงคราวเคราะห์หนักที่ทำมาทั้งหมดก็จะไม่เหลืออะไร

สายสัมพันธ์ที่เคยขาดสะบั้นไปก่อนหน้า ต่างรู้ดีว่ามาจากเหตุใด โดยฝ่ายหมอผีเขมรหลังจากได้น้องรักอย่างเสี่ยหนูเข้ามาอยู่ในกำกับ ทำให้รู้ว่าที่เคยคบ และถูกบังคับให้คบนั้น ใครของแท้ ใครแอบอ้าง ลิ่วล้อหลายรายเกือบเข้าซังเต ก็เพราะไปสุงสิงกับพวกที่คิดว่าของจริง พอมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ กลับหลังหันกันแทบไม่ทัน ดีที่ว่ายังมีน้องที่รักคอยปัดเป่าให้ มิเช่นนั้น อาจารย์ใหญ่แห่งค่ายบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดที่คิดว่าของดี อาจไม่มีเงาหัวแล้วก็เป็นได้ 

ภายใต้การเมืองที่มีโจทย์บังคับมากไปกว่าการแข่งขันระหว่างพรรคการเมืองด้วยกัน มันจึงทำให้บรรดาแกนนำที่อยู่ในสมการต้องประสานงานกันทุกทาง เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับฝ่ายบริหาร เมื่อแนวโน้มของความนิยมรัฐบาลจากการนำของอุ๊งอิ๊งเริ่มเห็นผล จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องให้ใครมาล้มกันได้ง่าย ๆ การเลือกที่จะเก็บตัวเงียบแต่ไม่สงัดของนายใหญ่ แล้วจู่ ๆ ก็เกิดข่าวบิ๊กห้อยเข้าพบถึงบ้านจันทร์ส่องหล้านั้น ก็เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่ชี้ให้เห็นว่านักการตลาดมือหนึ่งเดินเกมแบบไหน 

อย่างที่บอกการแต่งตั้ง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เป็นที่ปรึกษานายกฯ แล้วกลายเป็นตำบลกระสุนตกของพวกนักร้องที่จ้องจะเล่นงานแพทองธารทันทีทันใด มันสอดรับกับข่าวเนวินเข้าพบ เท่านี้พวกที่ติดตามการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามของรัฐบาลตั้งแต่ไทยรักไทยถึงพลังประชาชน จะรู้ดีว่าสองคนที่ตกเป็นข่าวช่วงนี้คือ มือทำงานมวลชนที่นายใหญ่ไว้วางใจ มีทั้งประเภทบู๊-บุ๋นอยู่ครบจบในที่เดียว หนนี้อาจจะไม่เหมือนเดิมเพราะแนวรบ แนวร่วมเปลี่ยนไป

แต่เป้าหมายใหญ่คือ การทำให้รัฐบาลอยู่ไปจนครบวาระ ขับเคลื่อนให้พรรคร่วมขีดวงไว้ที่สองพรรคหลักอย่างเพื่อไทย-ภูมิใจไทย เป็นแกนหลักของการสู้ในสนามเลือกตั้งครั้งหน้า โดยพรรคร่วมที่เหลือยังคงมีความหวังจากการร่วมสร้างผลงานในเวลานี้ เพื่อที่จะตีฐานของคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคประชาชนให้แตกกระเจิง แม้ว่าผลโพลที่ออกมาพรรคแกนนำฝ่ายค้านยังยึดหัวแถวเหนียวแน่น แต่คำนวณจากสัดส่วนความชมชอบแล้วเห็นได้ชัดว่าเริ่มแผ่ว

สวนทางกับพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วมหลายพรรค แม้ภูมิใจไทยจะหลุดโค้งในผลสำรวจไปอยู่อันดับ 6 นั่นเป็นเรื่องของการสำรวจจากกลุ่มเป้าหมายที่โพลแต่ละสำนักเป็นคนวางหลักเกณฑ์ไว้ ในความเป็นจริงผลการเลือกตั้งสองครั้งหลังสุดที่ออกมา เห็นได้ชัดว่าพรรคสีน้ำเงินเลือกพื้นที่ มีเป้าหมายที่มั่นใจว่าจะประสบความสำเร็จ จึงทำให้การล็อกเป้า เข้าโจมตีถูกจุด ถูกที่ ได้จำนวน สส.ในระดับที่น่าพอใจ หนนี้ก็เช่นเดียวกัน การที่ สว.ตีตกร่างกฎหมายประชามติ ก็เท่ากับกติกาหย่อนบัตรยังเหมือนเดิม แล้วแบบนี้จะเข้าทางพรรคไหน

ข้อผิดพลาดที่ทำให้เพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์ได้ผ่านการสรุปบทเรียนแล้ว ก่อนหน้าอาจพะวงกับไอโอของขบวนการสืบทอดอำนาจ จนทำให้ลืมนึกถึงกลเกมของพวกเดียวกันที่ใช้การโจมตีด้วยข้อมูลข่าวสารให้ร้าย บิดเบือน แล้วก็ได้ผล หนนี้นอกจากมีผลงานในฐานะรัฐบาลเป็นตัวการันตีความพึงพอใจของประชาชนแล้ว การที่วางคนคุมขุมกำลังในส่วนของคนมีสี ขณะที่พรรคสีน้ำเงินก็สร้างฐานของตัวเองผ่านบรรดาบิ๊กในกระทรวงมหาดไทย จึงทำให้เชื่อว่าจะสามารถบล็อกการสร้างกระแสทำลายคู่แข่งของฝ่ายตรงข้ามได้

ขณะเดียวกัน กระบวนการการสร้างสงครามข่าวสาร หรือการโฆษณาชวนเชื่อของรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนั้น จะแนบเนียนเป็นไปในลักษณะเป็นมิตรกับประชาชน จนทำให้รู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกัน แตกต่างจากเผด็จการสืบทอดอำนาจที่มักจะใช้วิธีการเข้าไปในทำนองแบ่งชนชั้น เจ้ายศ เจ้าอย่าง เป็นไปในลักษณะบังคับ กดข่มมากกว่าขอความเห็นใจ มันจึงทำให้เกิดกระแสตีกลับส่งผลถึงการเลือกตั้งอย่างที่เห็น ตอนนี้โจทย์ใหญ่ทางการเมืองว่าด้วยการเลือกตั้ง ต้องยอมรับกันว่าพรรคแกนนำฝ่ายค้านคิดหนักมากกว่า

การยอมรับว่าความนิยมของพรรคประชาชนลดลง เพราะคนที่มาเป็นแกนหลักชื่อชั้นทางการเมืองยังไม่เป็นที่ยอมรับในวงกว้างเป็นเรื่องจริง ครั้นจะดันให้บรรดาคนรุ่นใหม่ที่อยู่ในสายฮาร์ดคอร์ขึ้นมาเป็นตัวชูโรง ก็จะได้ฐานเสียงในระดับคนรุ่นใหม่ที่มีธงชัดเจนแล้วเท่านั้น แต่ไม่มากพอที่จะทำให้ชนะเลือกตั้ง ไม่เพียงเท่านั้น พวกกองเชียร์เฉพาะกิจก็เริ่มปรับกระบวนความคิด และจะหันไปหนุนพรรคที่เคยลงคะแนนให้ก่อนหน้า บางพวกก็จะไปเลือกพรรคที่คิดว่าเลือกไปแล้วได้เป็นรัฐบาลแน่ ๆ นี่ขนาดเวลายังเหลืออีกเกือบ 3 ปี ระหว่างนี้ถ้ารัฐบาลไม่มีทุจริต คดโกง ก็ไม่รู้ว่าฝ่ายค้านจะใช้ไม้ไหนมาต่อกร

อรชุน

Back to top button