ส่องกำไรกลุ่มแบงก์ไตรมาส 3/67

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หรือกลุ่มแบงก์ จะทยอยประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ของปี 2567 ออกมาเร็ว ๆ นี้


เส้นทางนักลงทุน

บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในกลุ่มธนาคารพาณิชย์ หรือกลุ่มแบงก์ จะทยอยประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 ของปี 2567 ออกมาเร็ว ๆ นี้ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” จึงได้สำรวจความเห็นของโบรกเกอร์อย่างน้อย 3 ราย ที่มีต่อกำไรของกลุ่มแบงก์ในไตรมาสนี้ พบว่า

กำไรไตรมาส 3/67 แตะ 5.2 หมื่นล้าน

โดยบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) ระบุว่า กำไรสุทธิรวมไตรมาส 3 ปี 2567 ของกลุ่มแบงก์จะอยู่ที่ 5.2 หมื่นล้านบาท เติบโต 3% จากงวดเดียวกันปีก่อน เนื่องจาก TTB ที่ได้ผลประโยชน์ทางภาษีราว 1.1 พันล้านบาท จากปีก่อนที่ไม่มี ประกอบกับ KTB มีรายได้ค่าธรรมเนียมสุทธิเพิ่มขึ้นได้จากการ Cross-selling ในกลุ่ม และ KBANK มีสำรองฯ ลดลงจากปีก่อนที่ตั้งเผื่อมาเยอะ

แต่กำไรจะลดลง 3% จากไตรมาสก่อน เพราะกำไรจากเงินลงทุนในส่วนของเงินปันผลรับลดลงตามฤดูกาล รวมถึง NIM ที่ลดลงจากการ Repricing เงินฝากประจำเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มธนาคารขนาดเล็ก

รวมทั้งคาดสินเชื่อไตรมาส 3 นี้ จะลดลง 2% และลดลง 1% ตามลำดับ เพราะสินเชื่อรายใหญ่และภาครัฐมีการชำระคืน ขณะที่สินเชื่อรายย่อยลดลง โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อที่ลดลงตามสภาวะอุตสาหกรรมรถยนต์ และการแข่งขันทางด้านราคาที่ดุเดือด

ส่วน NPL จะทยอยปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เพราะหลายธนาคารมีการขายหนี้เสียออกไปค่อนข้างเยอะมากในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คาด NPLs จะทยอยเร่งตัวเพิ่มขึ้นในไตรมาส 3 ปีนี้ มาอยู่ที่ 3.19% จากไตรมาส 2 ที่ผ่านมาที่ 3.13%

ทั้งนี้ แบงก์ที่เติบโตได้ดีทั้งจากงวดปีก่อนและไตรมาสก่อน คือ SCB คาดเติบโต 5% จากงวดปีก่อน และเติบโต 1% จากไตรมาสก่อน ตามการตั้งสำรองฯ ลดลง และมีการขาย Robinhood รับเงิน 400 ล้านบาท

ส่วนแบงก์โตดีจากงวดปีก่อน คือ TTB มองโต 13% ตามมาด้วย KBANK โต 7% และ KTB โต 6% ขณะที่แบงก์ที่มีกำไรสุทธิไตรมาส 3 นี้ ลดลงทั้งจากงวดปีก่อนและไตรมาสก่อน คือ TISCO ลดลง 10% จากปีก่อน และลดลง 3% จากไตรมาสก่อน เพราะสำรองฯ เพิ่มขึ้น ตามการปล่อยสินเชื่อผลตอบแทนสูงที่เพิ่มขึ้น รองลงมาเป็น BBL ลดลง 3% และลดลง 7% ตามลำดับ จากมีกำไรเงินลงทุนลดลง

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดกำไรกลุ่มฯ จะลดลง 5% จากงวดปีก่อน และลดลง 1% จากไตรมาสก่อน เนื่องจาก 5 ปัจจัย ประกอบด้วย 1.สินเชื่อหลายกลุ่มโตลดลงจากการใช้นโยบายการปล่อยกู้อย่างระมัดระวัง และการชำระคืนเงินกู้สินเชื่อธุรกิจ 2.NIM ลดลงจากการขยายสินเชื่อผลตอบแทน (ยีลด์) ต่ำในตลาดเงิน 3.รายได้ค่าธรรมเนียมยังโตต่ำตามสินเชื่อที่หดตัวลง 4.ค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) ของ KBANK SCB TISCO เพิ่มขึ้นเพื่อตัดหนี้สูญ แต่ของ BBL และ KKP ลดลงจากที่ตั้งไว้สูงเกินไปในงวดครึ่งแรกปี 2567 และ 5.กำไร FVTPL เพิ่มขึ้นเนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ลดลงช่วยให้มีกำไรพิเศษ และตลาดทุนฟื้นตัวขึ้น

คาดครึ่งหลังปี 2567 นี้ แบงก์ส่วนใหญ่นำกำไรส่วนเกินในงวดครึ่งปีแรกมาตั้งเป็น credit เพื่อบรรลุแผนการล้างหนี้เสียในงบดุล ดังนั้น credit cost เกือบทุกแบงก์จะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะ KBANK และ SCB ซึ่งตั้งเป้าจะล้าง NPL ค้างเก่าให้หมดภายในปี 2567 ก่อนที่จะลด credit cost ลงในปี 2568 ส่วน KTB จะตั้งสำรองด้อยค่า (Impairment NPA) สูงขึ้น

ปี 2567 แบงก์ฟันกำไร 2 แสนล้าน

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) มองกำไรสุทธิของกลุ่มแบงก์ปี 2567-2568 อยู่ที่ 2.05 แสนล้านบาท และ 2.17 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% และ 6% จากงวดปีก่อน ตามลำดับ จากสำรองฯ ที่ลดลงเป็นหลัก โดยคาดจะมีการปรับตัวลดลง 10% จากปี 2566 เพราะมีการตั้งเผื่อมากแล้ว ขณะที่คาดกนง.จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% ในช่วงปลายปี 2567 ถึงครึ่งแรกของปี 2568

หุ้นกลุ่มแบงก์น่าสนใจ

บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) ให้น้ำหนักลงทุนกลุ่มแบงก์ “มากกว่าตลาด” เลือกหุ้นแบงก์ที่ยังน่าสนใจ คือ KBANK จากคุณภาพสินทรัพย์ที่ดีขึ้น และ valuation แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 176 บาท

KTB กำไรสุทธิปีนี้จะอยู่ที่ 4.2 หมื่นล้านบาท เพิ่มสูงสุดในกลุ่มที่ราว 15% จากปีก่อน เพราะสำรองฯ ลดลง และจะเน้นการปล่อยสินเชื่อภาครัฐมากขึ้น ซึ่งมีความเสี่ยงต่ำ แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 23 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) ชอบ KTB และ BBL รวมถึง TTB โดย KTB ในฐานะเป็นแบงก์ที่ดำเนินการต่าง ๆ ให้รัฐบาล จึงยังคงได้อานิสงส์จากนโยบายที่จะเกิดขึ้น ในขณะที่ BBL เด่นจากการลด credit cost ส่วน LOS ที่ลดลง และ NIM ที่ดีขึ้นจะช่วยหนุนแนวโน้มของ TTB

บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) มอง BBL กำไรไตรมาส 3 นี้จะลดลงทั้งจากปีก่อนและไตรมาสก่อน จากการตั้งสำรองที่ลดลง และกำไรจากเครื่องมือทางการเงินที่ลดลง สินเชื่อยังคงหดตัวต่อเนื่อง NPL อาจจะยังเพิ่มขึ้นต่อ ประมาณการกำไรปี 2567 เพิ่มขึ้น 9.4% จากงวดปีก่อน ให้ราคาพื้นฐานปี 2568 ที่ 169 บาท แนะนำ “ทยอยซื้อ”

ส่วน KBANK มองกำไรไตรมาส 3 นี้ สูงสุดในกลุ่มแบงก์ โดยจะเติบโตทั้งงวดปีก่อนและไตรมาสก่อน จากรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น และการตั้งสำรองลดลง คาดสินเชื่อกลับมาหดตัว และ NPL กลับมาเพิ่มขึ้น ให้ราคาพื้นฐาน 166 บาท แนะนำ “ทยอยซื้อ”

แนวโน้มของกลุ่มแบงก์ไตรมาส 3/2567 ยังคงฟันกำไรไม่ต่ำกว่า 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ทั้งปีนี้กำไรสูงกว่า 2 แสนล้านบาท

Back to top button