กองทุนลุยแหลก

หากดูแรงซื้อที่เกิดจากองทุนในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่า เป็นการซื้อต่อเนื่องและหนักหน่วงทุกไม้ จนทำให้ดัชนีเข้าใกล้เป้าหมายแรกที่บริเวณ 1,500 จุดเข้ามาทุกที


หากดูแรงซื้อที่เกิดจากองทุนในช่วงครึ่งเดือนที่ผ่านมาจะเห็นว่า เป็นการซื้อต่อเนื่องและหนักหน่วงทุกไม้ จนทำให้ดัชนีเข้าใกล้เป้าหมายแรกที่บริเวณ 1,500 จุดเข้ามาทุกที ขณะเดียวกันก็จะเห็นว่า ต่างชาติก็ใช้จังหวะที่ดัชนีไต่เพดานขายหุ้นต่อเนื่องเช่นกัน แต่สุดท้ายดัชนีก็ยืนปิดที่ระดับ 1,470.10 จุด บวกไป 1.58 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.01 หมื่นล้านบาทแบบนี้..ภาษาชาวบ้านเขาพูดว่า กองทุนไม่กลัวมึงนะจ๊ะ

งานนี้บอกได้เลยว่า หากไม่มีโรคแทรกซ้อนเกิดขึ้นในระหว่างทาง กองทุนคงเดินหน้าซื้อหุ้นต่อไปเรื่อย ๆ เพราะเม็ดเงินที่ซื้อหุ้นยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่มีอยู่บนหน้าตัก “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นโฟกัสไปที่หุ้นใหญ่เป็นลำดับแรก เพราะหุ้นเหล่านี้กำลังยกฐานใหม่ที่สูงขึ้นต่อเนื่อง และเมื่อสำรวจผลงานไตรมาส 3 ที่มีแนวโน้มออกมาดีกันแทบทุกตัว ย่อมเป็นแรงหนุนให้ตลาดหุ้นไทยไปแบบชิล ๆ นะตัวเอง

ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” มองเรื่องสัพเพเหระที่ไม่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้น ไม่มีผลต่อการลงทุนในอนาคต เพราะสิ่งที่ทุกคนมองในตอนนี้ก็คือ เป็นช่วงนาทีทองที่ทำให้นักเล่นได้โกยกำไรช่วงสั้นอย่างสนุกสนาน ผนวกกับทุกคนเห็นยอดซื้อสุทธิของกองทุนในช่วงครึ่งเดือน ต.ค. ปาเข้าไปถึงระดับ 2.70 หมื่นล้าน ก็ตีความได้ทันทีว่า ต้นทุนในการซื้อหุ้นได้ขยับขึ้นแล้ว จึงไม่มีทางที่กองทุนจะขายหุ้นขาดทุนพะย่ะค่ะ

โดยเฉพาะในรายของแบงก์รัฐ KTB ก็เป็นหุ้นที่เดี๊ยนเม้าท์ถึงเป็นประจำว่า นี่เป็นหุ้นที่เด่นสุดอีกตัวในรอบนี้ เพราะมองในมุมไหน..ก็เป็นหุ้นเนื้อหอมที่นักลงทุนสถาบันรุมตอม “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 21.60 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.88 พันล้านบาท ยังมีแก๊ปให้วิ่งต่อขนาดไหน? เพราะอิฉันไม่อยากชี้นำอะไรไปมากกว่าน่ะซี

อีกรายที่แรงขึ้นมาแบบไม่ทันตั้งตัว คงต้องมองไปที่หุ้น KKP หลังทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 52 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 6.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 587 ล้านบาท ทั้งที่ก่อนหน้ายังเจี๋ยมเจี้ยมเป็นเดือน “โมนิก้า” เลยประเมินการขึ้นเที่ยวนี้ไม่ถูกว่า มาจากเรื่องอะไรกันแน่! เพราะสิ่งที่เห็นในช่วงครึ่งปีแรกก็คือ กำไรลดฮวบ! เพราะกำลังซื้อของลูกค้าหดหายไปอื้อ ขณะที่หนี้เสียจากเช่าซื้อก็พุ่งขึ้น แบบนี้..ไหวเหรอคุณพี่!

ขนาดหุ้นลูกอ๊อด AOT ซึ่งเป็นหุ้นตัวท็อปท่องเที่ยวยังอยู่ในอาการเซื่องซึมเป็นเดือนแบบนี้ “โมนิก้า” เลยเกิดอาการงงเต็กกับหุ้นตัวนี้จริง ๆ เพราะอะไรหลายอย่างเป็นใจให้เล่นต่อ แต่นักลงทุนสถาบันกลับไม่เหลียวแลเท่าที่ควร และการที่หุ้นยังย่ำอยู่กับที่ ทั้งที่ตลาดหุ้นขึ้นมาตั้งไกล น่าจะเป็นการบอกใบ้ให้นักเล่นหันไปมองหุ้นตัวอื่นก่อนดีกว่า เพราะล่าสุดหุ้นก็ยังยืนอยู่ที่ 63.75 บาท ลบไป 0.50 บาท หรือลงไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 576 ล้านบาทเจ้าค่ะ

เมาท์ถึงหุ้นตัวอื่นที่ยังพอมีทรงอยู่ทั้งที “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น JMT เพื่อชี้ให้เห็นการประคองปิดที่ระดับ 17.90 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 192 ล้านบาท ยังเป็นระดับที่น่าสนใจ เพราะมองในแง่ของ BV ที่อยู่ในระดับ 18.20 บาท พ่วงด้วยอัตราเงินปันผลตอบแทนที่ระดับ 4.60% ย่อมเป็นเซฟโซนสำหรับการลงทุนเที่ยวนี้ หรือใครคิดว่าไม่จริง..ก็โต้แย้งกันได้นะนายจ๋า

ไหน ๆ ก็เมาท์ถึงเกมที่ต้องเสี่ยงขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็ขอเหลือบมองหุ้นเรือ RCL เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับคนที่เชื่อว่า ค่าระวางเรือจะเด้งกลับ หลังจากลงต่อเนื่อง จนใกล้จะถึงโลว์เก่าที่ทำไว้แบบนี้ เดี๊ยนย่อมมองเป็นทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับคนที่พร้อมลุย ผนวกกับราคาหุ้นเพิ่งผงกหัวขึ้นเป็นครั้งแรก ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 23.50 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 183 ล้านบาท เลยเหมาะต่อการไหลตามน้ำนะออเจ้า

ตบท้ายกันที่หุ้นฮอตอย่าง OKJ กันดีกว่า เพราะเป็นหุ้นน้องใหม่ที่เพิ่งโชว์ฟอร์มหรูไปหมาด ๆ แต่ในระหว่างทางก็มีดราม่าติดดอยออกมาเป็นระยะนั้น “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของพวกอ่อนพรรษาในการลงทุน เพราะของมันเห็นกันอยู่แล้วว่า โบรกเกอร์ให้ราคาสูงสุดที่เป็นไปได้อยู่แถว 15 บาท ส่วนราคากลาง ๆ อยู่ที่ 10.80 บาท เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นประเมินว่า การยืนปิดที่ระดับ 12.70 บาท ลบไป 0.40 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 225 ล้านบาท เสี่ยงขนาดไหนเจ้าค่ะ

โมนิก้า: และทีมงาน

Back to top button