SET อ่อนตัวตามราคาน้ำมัน ศก.โลกซบเซาจัดทัพ 27 บจ.ร้อน เน้นราคาถูก-ปันผลเด็ด!
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศหลังขาดปัจจัยใหม่หนุน ขณะที่ราคาน้ำมันกลับมาอ่อนตัวอีกครั้ง นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจจากหลายประเทศยังชี้ว่าเศรษฐกิจโลกยังคงซบเซา การลงทุนเน้นเก็งกำไรสั้น และลงทุนในหุ้นที่มีราคาถูก รวมถึงหุ้นปันผลสูง
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงาน เช้านี้ ณ เวลา 9.22 น. ค่าเงินบาทอยู่ที่ 35.61 บาทต่อเหรียญ ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจทั่วโลก
นักวิเคราะห์มองดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดต่างประเทศหลังขาดปัจจัยใหม่หนุน ขณะที่ราคาน้ำมันกลับมาอ่อนตัวอีกครั้ง นอกจากนี้ตัวเลขเศรษฐกิจจากหลายประเทศยังชี้ว่าเศรษฐกิจโลกยังคงซบเซา การลงทุนเน้นเก็งกำไรสั้น และลงทุนในหุ้นที่มีราคาถูก รวมถึงหุ้นปันผลสูง
หุ้นเด่นเลือก IRPC-PS-BR-SYNTEC-CK-TRUE-SAWAD-GUNKUL-EA-AOT-EPG-SVI-VIBHA-CI-TASCO-AAV-PTT-SCB-INTUCH-ADVANC-SIRI-DIF-CPNRF-TISCO-KTB-CSS และ PIMO
บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.พ.) SET จะถูกกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงานอย่าง PTT PTTEP หลังราคาน้ำมันBrent ปรับลดลงแรง 5% เมื่อคืนนี้ ปิดที่ US$34.24 หลัง OPEC ยังไม่มีแผนจัดประชุมฉุกเฉินเร็วๆ นี้ แต่มอง Downside จำกัดที่ 1,285 จุด จาก 1) กลุ่มธนาคาร Valuation ต่ำ ปันผลสูงจะ Outperform ตลาดต่อ KTB SCB TISCO KKP 2) ยังมีโอกาสที่ JAS และ TRUE อาจไม่สามารถหาวงเงินค้ำประกันจ่ายใบอนุญาต 900MHz ทัน 21 มี.ค.นี้ เป็นปัจจัยบวกต่อ ADVANC INTUCH DTAC
1) “เก็งกำไร” ระยะสั้น กลุ่มหุ้นที่ถูกกดดันจากราคาน้ำมันที่ดีดตัวปรับสูงขึ้นก่อนหน้านี้ TASCO (Stop loss 30), AAV, EPG
2) กลุ่มหุ้นที่มี Valuation ต่ำใกล้เคียงวิกฤติปี 2008: PTT (แนวรับ 230-232 ยังไม่หลุด ลุ้นปรับขึ้นต่อ) SCB (PBV 1.25เท่า)
3) High Div Yield: INTUCH ADVANC SIRI DIF CPNRF TISCO KTB
บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.พ.) ตลาดไทยวันนี้มีแนวโน้มแกว่งตัวในแดนลบในกรอบ 1,285-1,300 โดยตลาดช่วงนี้ยังคงผันผวนตามทิศทางราคาน้ำมัน ซึ่งวันนี้บรรยากาศค่อนข้างเป็นลบ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเรื่องตัวเลขสต๊อกน้ำมันในสหรัฐที่อาจขยายตัวต่อเนื่องในเดือนนี้ ส่วนการที่ตลาดส่วนใหญ่ปรับขึ้นมาแรงแล้วช่วง 2 วันที่ผ่านมาก็ทำให้มีแรงขาย take profit ได้บ้าง แนะนำขายทำกำไรบ้างหากดัชนีขึ้นเหนือ 1,300 จุดและรอซื้ออีกทีใกล้แนวรับที่ 1,280 และ 1,260 จุด
กลยุทธ์: เก็บสะสมหุ้นกลุ่มรับเหมา พลังงานปลายน้ำ อสังหาฯ อาหาร และวัสดุก่อสร้าง ที่ราคาไม่แพงและมีพื้นฐานดี มี story หนุนเป็นรายตัว หลีกเลี่ยงกลุ่มพลังงานต้นน้ำและสื่อสารไปก่อน
แนวรับ/แนวต้าน: 1,280/1,300 สัดส่วนการลงทุน : เงินสด 40% : พอร์ตหุ้น 60%
นักลงทุนระยะสั้น: IRPC (5.70), PS (34), BR (8) นักลงทุนระยะยาว: SYNTEC (3.80), CK (34)
บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ (2 ก.พ.) มีมุมมองเป็นกลางถึงลบต่อตลาดวันนี้ คาด SET น่าจะปรับลงตามตลาดหุ้นภูมิภาค เนื่องจากแรงขายในหุ้นกลุ่มน้ำมันหลังราคาน้ำมันดิบเมื่อคืนร่วงกว่า 6% ประกอบกับรายงานดัชนีผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนม.ค ของจีน ยุโรป ญี่ปุ่นและสหรัฐ ยังอยู่ในภาวะถดถอยต่อเนื่องหลายเดือนติดต่อกัน แสดงให้เห็นถึงภาคการผลิตของโลกยังอ่อนแอ อันจะเป็นผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัวมากกว่าคาด ขณะเดียวกันกำลังซื้อของโลกก็อ่อนแอหลังอัตราเงินเฟ้อเกือบทุกประเทศทั่วโลกอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม SET น่าจะผันผวนอยู่ในกรอบแคบเนื่องจากยังขาดปัจจัยใหม่เข้าสู่ตลาด
กลยุทธ์วันนี้: Seclective BUY/ซื้อเมื่ออ่อนตัว ขึ้นขาย/เน้นเล่นรอบสั้น
หุ้นเก็งกำไรระยะสั้น: EPG (ที่สุดของบริษัทที่มีนวัตกรรมในไทยและระดับสากลและมีโรงงานอยู่เกือบทุกทวีป)
ธุรกิจที่มีแนวโน้มดี: ธุรกิจท่องเที่ยว ก่อสร้าง โรงพยาบาล สินเชื่อรายย่อย ส่งออก และพลังงานทดแทน
หุ้นที่มีแนวโน้มกำไรเติบโตดีในปี 2016: SAWAD GUNKUL EA AOT EPG SVI VIBHA และ CI
KSS report: TRUE (ขาย/เป้า 6 บาท), EPG (ยังแนะนำ ซื้อ/ปรับเป้าเพิ่มเป็น 16 บาท จากเดิม 12 บาท)
ขณะที่คาดการณ์มุมมองทางเทคนิค กราฟล่าสุดแสดงภาพการออกจาก MA25 รูปแบบเป็นไปในเชิงขาขึ้น โดย MACD มีค่าเป็นบวกและสูงกว่า signal line มีแนวโน้มเป็นสัญญาณขาขึ้นรอบใหม่ การอ่อนลงของเมื่อวานมีแพทเทินขาขึ้นไม่เสียหายแต่อย่างใด
แนวโน้มของตลาดจะเคลื่อนไหวที่กรอบ 1,288-1,310
หุ้นที่เลือกวันนี้มีโอกาสปรับขึ้น แนะนำซื้อเก็งกำไรที่กรอบแนวรับ-แนวต้าน CSS และ PIMO